นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบความคืบหน้าในการวางแผนรองรับความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายในการรับซื้อหรือแทรกแซงราคายางและแผนการจัดหาแหล่งทุนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยความคืบหน้าการดำเนินการโครงการพัฒนาตลาดและแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่าตามนโยบายรัฐบาล องค์การสงเคราะห์การทำสวนยาง(อ.ส.ย.) ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโรงงานยางแท่ง STR 20 พร้อมเครื่องจักรอุปกรณ์จำนวน 3 แห่ง ที่จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดนครพนม และศูนย์รับซื้อผลผลิตยางพาราจำนวน 6 แห่ง ที่จังหวัดพะเยา จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดเลย และจังหวัดนครพนม โดยสามารถทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ 30 ก.ย.53 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างเสร็จและทดลองเดินเครื่องได้ภายในเดือน ก.ย.54 และจะดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือน ต.ค.54 เป็นต้นไป
แผนรองรับความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายในการซื้อหรือแทรกแซงราคา อ.ส.ย.ได้จัดเตรียมไว้ 2 กรณี คือ กรณีแทรกแซงราคาตามนโยบายรัฐบาล ราคาซื้อขายจะเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด และกรณีที่ อ.ส.ย.ซื้อเพื่อดำเนินการตามภารกิจปกติ อ.ส.ย.จะกำหนดราคาซื้อตามภาวะราคายางและกลไกตลาด โดยซื้อผ่านระบบเครือข่ายเกษตรกร สถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจรที่ อ.ส.ย.จัดตั้งไว้แล้วทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน และรับซื้อที่ศูนย์รับซื้อผลผลิตยางพาราทั้ง 6 ศูนย์ข้างต้น นอกจากนี้ อ.ส.ย.ได้กำหนดเป้าหมายการจัดหาวัตถุดิบและการผลิตยางแท่ง STR 20 โดยเฉพาะปีงบประมาณ 2554 จะดำเนินการรับซื้อผลผลิตยางตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.54 เพื่อเป็นการเตรียมวัตถุดิบไว้สำหรับเริ่มทำการผลิตตั้งแต่เดือน ต.ค.54 เป็นต้นไป โดยปีต่อๆ ไปมีเป้าหมายการจัดหาวัตถุดิบในแต่ละโรงงานจำนวน 23,400 ตัน ซึ่งจะสามารถผลิตยางแท่ง STR 20 ได้จำนวน 22,000 ตัน
แผนการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินงานโรงงานยางแท่ง STR 20 ปีละ 20,000 ตัน มีประมาณการค่าใช้จ่ายปีละ 2,600 ล้านบาท โดยมีแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนจากเงินทุนหมุนเวียนของ อ.ส.ย.ประมาณ 150 ล้านบาท, เงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) หรือธนาคารกรุงไทยประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่ง อ.ส.ย.จะขออนุมัติต่อ ครม.ประมาณเดือน ก.ค.54
แผนการดำเนินงานด้านการตลาด ผลผลิตยางแท่ง STR 20 จากโรงงานทั้ง 3 สาขา จำนวน 60,000 ตัน/ปี อ.ส.ย.กำหนดเป้าหมายการขายในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และอินเดีย ไม่ต่ำกว่า 80% โดยใช้ทั้งระบบขายตรงและผ่านตัวแทน(Broker) ส่วนที่เหลือขายภายในประเทศ โดยพิจารณาจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นหลัก โดยโครงการนี้ อ.ส.ย.จะสามารถรับซื้อผลผลิตยางพาราได้ไม่เกิน 10% ของผลผลิตรวมทั้งประเทศ