นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐ(G to G) ให้กับรัฐวิสาหกิจ 2 แห่งของประเทศจีน คือ บริษัท HIGH HOPE IN'L GROUP JIANGSU PRODUCE IMP&EXP CORP.LTD และบริษัท Jiangsu Light Industrial Products Import & Export(Group) Corporation ในปริมาณรวม 4 แสนตัน ที่ราคาเฉลี่ยหน้าคลังสินค้าที่ 6,010 บาท/ตัน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เป็นการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในล็อตสุดท้ายในสต็อกที่อยู่ในโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งราคาที่จำหน่ายได้ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมแล้วกับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ค้างอยู่ในสต็อกนานถึง 27 เดือน และเสื่อมสภาพไปถึง 70% ซึ่งแม้จะเสื่อมสภาพแล้วแต่จีนสามารถนำไปใช้ในการผลิตแอลกอฮอล์ได้
"กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า ราคาดังกล่าวเมื่อเทียบกับมันใหม่ต่างแค่ 17% ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วว่าทิ้งไว้ในสต็อก 27 เดือน ถือว่าสมเหตุผล ครม.รับได้" นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าจากปัญหาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังค้างสต็อกเป็นเวลานานนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลเปลี่ยนรูปแบบจากการใช้วิธีจำนำมาเป็นการประกันรายได้เกษตรกร เพราะการรับจำนำนอกจากจะมีความยุ่งยากในทางปฏิบัติแล้ว ยังเกิดปัญหาจากการที่ต้องรับจำนำผลผลิตมาจากเกษตรกรในราคาสูง แต่เมื่อจำหน่ายออกเป็นผลิตภัณฑ์แล้วกลับได้ราคาต่ำ ซึ่งการหันมาใช้โครงการประกันรายได้เกษตรกรจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ดีกว่า
"นายกฯ ย้ำว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำไมต้องใช้วิธีประกันรายได้ เพราะผลทั้งหมดมาจากการรับจำนำ ซึ่งทำให้ยุ่งยาก รับจำนำมาในราคาสูง และที่สุดต้องขายในราคาต่ำ" นายวัชระ กล่าว