ธ.แสตนดาร์ดฯ(ไทย) หวัง ROE ปีนี้ 10% เป็นห่วงปัญหาบุคลากรถูกซื้อตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 7, 2011 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางลิน ค็อก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 54 จะเป็นปีของการมองหานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยกลยุทธการทำงานจะทำให้เกิดความสมดุลของรายได้จาก Holdsale Banking และ Consumer Banking ซึ่งได้วางหลักการทำงานใน 5 ด้าน คือ การมีงบดุลที่เข้มแข็ง มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีพนักงานที่มีความพร้อม การมีตลาด และกลยุทธที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ ปี 54 ธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ในอัตรา 4.4% ภายใต้มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ดี ดังนั้น เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตสอดคล้องตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายตายตัว เพราะการเร่งการปล่อยสินเชื่อย่อมทำให้มีความเสี่ยงสูงตามมาด้วย แต่การเติบโตของธนาคารจะมาจากหลายด้าน ไม่ใช่มาจากการปล่อยสินเชื่อเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มองว่าภาคธุรกิจเอสเอ็มอียังเป็นกลไกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมองว่าสินเชื่อรายย่อยและเอสเอ็มอียังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ส่วนลูกค้า Corporate แม้ปัจจุบันจะมีบริษัทเอกชนไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้การปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นตาม เพราะเอกชนมีแนวทางการระดมเงินหลายวิธี เช่น การออกหุ้นกู้ ไม่จำเป็นต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินเท่านั้น ขณะเดียวกันลูกค้ากลุ่มนี้ในตลาดสินเชื่อก็มีการแข่งขันค่อนข้างสูง

"คนใช้ retail banking พอสมควร รวมถึงเอสเอ็มอี ยังเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้น retail และ SME ยังสดใส...เราจะทำให้รายได้สมดุลทำจาก Holdsale Banking ที่เน้นความสัมพันธ์กับลูกค้า ให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการระดมทุน การขายธุรกิจไปต่างประเทศ ส่วน Consumer banking จะพิจารณาสนับสนุนการให้สินเชื่อในทุกรูปแบบ" นางลิน กล่าว

นางลิน กล่าวว่า ในปีนี้วางเป้าหมายที่ ROE ของธนาคารน่าจะอยู่ระดับมากกว่า 10% เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งอื่นที่มี ROE เป็นเลข 2 หลัก จากปี 53 ที่ ROE อยู่ที่ 9.73% โดยการที่ธนาคารมีกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น เงินกองทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.1% ไม่มีเงินกองทุนขั้นที่ 2 ซึ่งจะทำให้ ROE สูงขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารจะเน้นการเติบโตด้วยตนเองจากการดำเนินธุรกิจ โดยไม่มีนโยบายที่จะซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการเพื่อให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ปิดกั้น หากมีโอกาสก็พร้อมที่พิจารณา

"หวังว่า ROE ปีนี้จะเป็นเลข2หลักเทียบเท่าแบงก์ไทย...เรามีเงินทุนมากเพียงพอ โดย Teir ขั้น 1 อยู่ 15.1% ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะเราไม่ได้เร่งปล่อยสินเชื่อ แต่ให้สินเชื่อเติบโตเท่าที่ควรจะเป็น...การแข่งขันของเราไม่ได้เน้นเนื่อง asset size แต่เป็นเรื่องการทำกำไรและการสร้างผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งต่างจากแบงก์อื่นๆ...การเติบโตของธนาคารจะเติบโตแบบ organics กรณีการซื้อหรือควบรวมจะทำโดยที่เรารู้สึกว่าเราขาดอะไร แต่ตอนนี้เรามีครบแล้ว" นางลิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม มองความเสี่ยงของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ หรือปัญหาการเมืองในประเทศ เพราะที่ผ่านมาธนาคารได้มีการเตรียมมาตรการรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งได้ดำเนินการได้ดี และเขื่อว่าการเมืองไทยยังเดินหน้าไปได้ดีและอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

สำหรับปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้คือการขาดแคลนบุคลากร ไม่เฉพาะของธนาคารเท่านั้น รวมถึงธนาคารแห่งอื่นๆ ทั้ง Local Bank และธนาคารที่มีการควบรวมกิจการที่ยังมีความต้องการบุคลากรมากขึ้น ในขณะที่ของธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)มีปัญหาที่พนักงานถูกซื้อตัวจำนวนมาก เนื่องจากธนาคารมีชื่อเสียงในการพัฒนาบุคลากรทางการเงินการธนาคาร ทำให้ต้องมีความระมัดระวังในเรื่องนี้


แท็ก นวัตกรรม  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ