สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบียได้หนุนราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากสงครามกลางเมืองและภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,434.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,428.30-1,445.70 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 53.8 เซนต์ ปิดที่ 35.865 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 15.9 เซนต์ ปิดที่ 4.313 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 17.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,820.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 19.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 790.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์จาก PFGBEST กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า เหตุการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในลิเบียและการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้นด้วย
"ในระหว่างวัน สัญญาทองคำพุ่งขึ้นถึง 17.4% และทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,445.7 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากภาวะตัดขัดในการลำเลียงน้ำมันของลิเบียได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากสงครามกลางเมืองและเงินเฟ้อ โดยราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปีที่ 105.44 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ " ดาลีกล่าว
เทรดเดอร์กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดทองคำกำลังจับตาดูสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า เหตุการณ์ตึงเครียดทางการเมืองอาจลุกลามไปยังซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของกลุ่มโอเปค ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำมากขึ้น