นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการจดทะเบียนนิติบุคคลตั้งใหม่ในเดือนก.พ.54 ว่า มีผู้ประกอบการขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เป็นนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วน และบริษัทจำกัด ทั่วประเทศ 5,091 ราย เพิ่มขึ้น 595 ราย คิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.53 แต่เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.54 ลดลง 216 ราย หรือ 4%
ส่วนเงินทุนจดทะเบียน มี 12,868 ล้านบาท ลดลง 18,109 ล้านบาท หรือ 58% เมื่อเทียบกับ ก.พ.53 และลดลง 4,032 ล้านบาท หรือ 23% เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.54
สำหรับประเภทกิจการที่จดทะเบียนตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริการนันทนาการ 819 ราย, ก่อสร้างอาคารทั่วไป 378 ราย และอสังหาริมทรัพย์ 228 ราย
"ยอมรับว่าตอนนี้การเมืองเริ่มมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจมากขึ้น เพราะกังวลว่าหลังการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลชุดเดิมจะกลับมาทำงาน หรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะทำให้ขาดความต่อเนื่องในนโยบายบริหารประเทศ และนโยบายเศรษฐกิจ แต่ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังแข็งแกร่ง เชื่อมั่นว่า แนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ในระยะยาวจะเพิ่มขึ้นได้" นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อถึงนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศในเดือนก.พ.54 ว่า มี 639 ราย เทียบกับเดือนก.พ.53 ลดลง 105 ราย คิดเป็น 14% และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนม.ค.54 ลดลง 489 ราย คิดเป็น 43% โดยประเภทประเภทธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การก่อสร้างอาคารทั่วไป 86 ราย, อสังหาริมทรัพย์ 33 ราย และขายส่งวัสดุก่อสร้าง 20 ราย ทำให้ปัจจุบันมีนิติบุคคลคงอยู่ทั่วประเทศ 535,538 ราย