นายคณิศวร ชำนาญเวช นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย คาดว่าปริมาณการส่งออกกุ้งในปี 54 จะลดลง 5 หมื่นตัน โดยคาดว่าปริมาณการส่งออกทั้งปีนี้จะมีจำนวน 3.7 แสนตัน มูลค่าการส่งออก 9.9 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ปริมาณการส่งออกลดลง 10% จากปีก่อน แต่ในเชิงมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 2.65% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 9.6 หมื่นล่านบาท
เนื่องจากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่หลักในการเพาะเลี้ยงกุ้งขนาดใหญ่ โดยมีผลผลิต 3.4-3.5 แสนตัน/ปี จากผลผลิตทั้งประเทศที่มีจำนวน 6 แสนตัน/ปี
ทั้งนี้ เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตลดลงในเบื้องต้น 10-15% ประกอบกับ ภูมิอากาศที่แปรปรวนทำให้กุ้งเป็นโรค และผลผลิตอาจจะเสียหายเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ โดยพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่เสียหายมากที่สุด นากุ้งเสียหายกว่า 1,500 บ่อ คาดว่าหลังน้ำลดแล้วกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 เดือน
นอกจากนี้ ธุรกิจส่งออกกุ้งยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น ทำให้การส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นที่เคยเป็นหนึ่งในตลาดหลักลดลง 10-20% ซึ่งจะต้องส่งออกไปตลาดสหภาพยุโรป(อียู)ทดแทน จากปกติที่สัดส่วนการส่งออกไปยังญี่ปุ่นอยู่ที่ 20% และอียู 19%
"จากปัญหาในญี่ปุ่นทำให้การส่งออกลดลง 10-20% โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือในญี่ปุ่นส่งสินค้าไปไม่ได้ แต่ทางตอนใต้ อย่างโอซาก้ายังเข้าไปได้อยู่ แต่ในปีนี้คาดว่ามีการเฉลิมฉลองซากุระบาน การบริโภคลดลง แต่ในทางกลับกัน ที่มีข่าวว่าสารกัมมันตรังสีรั่วไหลลงทะเล ก็อาจจะให้มีการนำเข้ามากขึ้นก็ได้" นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าว
สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกปี 54 ปริมาณการส่งออกกุ้งอยู่ที่ 4.7 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 11.95%ในเชิงปริมาณ แต่เชิงมูลค่าเพิ่มขึ้น 1.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออกหลักยังอยู่ที่สหรัฐ 44% , ญี่ปุ่น 24%
ขณะที่คาดว่าราคากุ้งเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 7.5 เหรียญ/กก.เท่ากับปีก่อน และในครึ่งปีหลังอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่เกิน 3-5% ซึ่งต้องรอประเมินความเสียหายจากน้ำท่วมในภาคใต้ก่อน โดยราคาเฉลี่ยในช่วง 2 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 8.69 เหรียญ/กก. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 6.95 เหรียญ/กก.