สำนักงานสถิติของออสเตรเลียรายงานว่า ออสเตรเลียมียอดขาดดุลการค้า 211.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งปีที่ออสเตรเลียมีดุลการค้าขาดดุล เนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกแร่และโลหะ ขณะที่ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทำให้ยอดนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ยอดขาดดุลการค้าดังกล่าวสวนทางกับยอดเกินดุลการค้า 1.48 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2553 ที่ออสเตรเลียมียอดนำเข้าสูงกว่ายอดส่งออก โดยสำนักงานสถิติฯ รายงานว่า ยอดส่งออกของออสเตรเลียร่วงลง 2% ส่วนยอดนำเข้าพุ่งขึ้นถึง 5%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ออสเตรเลียจะมียอดเกินดุลการค้าลดลงเนื่องจากการส่งออกได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ยอดนำเข้าที่พุ่งขึ้นมากนั้นเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
โดยการส่งออกที่ทรุดลงมากที่สุดคือในภาค non-monetary gold (หรือทองคำที่ไม่ได้ใช้เป็นเงินตรา แต่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่างๆ) ซึ่งดิ่งลงถึง 45% ขณะที่การส่งออกแร่โลหะและแร่ธาตุร่วงลง 560 ล้านดอลลาร์ หรือ 8%
อย่างไรก็ดี ยังมีข่าวดีสำหรับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของออสเตรเลีย เมื่อมียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 4% แตะ 2.99 พันล้านดอลลาร์ (มาจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงินในออสเตรเลีย)
สำหรับปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ยอดนำเข้าพุ่งสูงนั้น มาจากมูลค่านำเข้าเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นที่ทะยานขึ้นถึง 26% รวมถึงยอดนำเข้าสินค้าทุนบางรายการ และชิ้นส่วนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน