ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาเปิดเผยแผนลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐจะสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะได้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.21% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4445 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4476 ยูโร ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.09% แตะที่ 1.6268 ปอนด์ จากกระดับ 1.6253 ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.22% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.800 เยน จากระดับ 83.620 เยน และอ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8958 ฟรังค์ จากระดับ 0.8970 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.58% แตะที่ 1.0503 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0442 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.79% แตะที่ 0.7885 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7823 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์เพราะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐจะสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะได้ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเปิดเผยแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศลง 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 12 ปีข้างหน้า ด้วยการใช้มาตรการลดงบประมาณและจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน โอบามายังได้วางแผนที่จะลดงบประมาณกลาโหมลง 4.00 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2563 ตลอดจนลดงบประมาณด้านประกันสุขภาพถ้วนหน้าลง 4.80 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้แรงหนุนจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.4% แตะที่ 3.893 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.และดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนเม.ย.