ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าโครงการซื้อหลักทรัพย์ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ไปจนจบโครงการในเดือนมิ.ย.นี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.34% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4489 ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.4440 ยูโร และดิ่งลง 0.47% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6342 ปอนด์ จากระดับ 1.6266 ปอด์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังร่วงลง 0.56% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.410 เยน จากระดับ 83.880 เยน และร่วงลง 0.47% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.8922 ฟรังค์ จากระดับ 0.8964 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.45% แตะที่ 1.0545 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0498 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.65% แตะที่ 0.7933 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7882 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหลังจากมีการคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะเดินหน้าใช้มาตรการ QE2 ไปจนครบกำหนดที่วางไว้ถึงเดือนมิ.ย. รวมถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเงินทุนหมุนเวียนในระบบ แต่นักลงทุนในตลาดเงินมองว่า การมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้สภาพคล่องในระบบสูงขึ้นและสร้างแรงกดดันให้กับมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังร่วงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 เม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27,000 ราย แตะระดับ 412,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 380,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 382,000 ราย
ส่วนรายงานที่ว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ทั่วไปของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนมี.ค.นั้น ยังไม่มากพอที่จะหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1%
ค่าเงินยูโรยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอีซีบีได้ออกมาส่งสัญญาณเป็นระยะๆว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจทำให้อีซีบีต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังจากที่ปรับขึ้น 0.25% ในการประชุมเดือนที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.และดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนเม.ย.