ยอดค้าปลีกของยุโรปเดือนมี.ค.ร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 1 ปี หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ขณะที่มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลส่งผลให้การใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลง
สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรประบุว่า ยอดค้าปลีกใน 17 ประเทศของยุโรปปรับตัวลดลง 1% จากเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. และทรุดตัวลง 1.7% จากปีก่อน โดยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ร่วงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2554 และร่วงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะลดลง 0.1%
ราคาพลังงานที่สูงขึ้นบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่มาตรการปรับลดงบประมาณของรัฐบาลกรีซและไอร์แลนด์ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันถึง 34% ในปีที่ผ่านมาได้เร่งให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 และฉุดรั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ บรรดาผู้ค้าปลีกในยุโรปต้องพึ่งพาประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็วขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายในยามที่มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยเมื่อวานนี้ บริษัทเมโทร เอจี ผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุดของเยอรมนีรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิไตรมาสแรกที่ 3 ล้านยูโร (4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)