กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 244,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553 มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนเม.ย.ขยับขึ้นสู่ระดับ 9.0% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2553 หลังจากที่ลดลงสู่ระดับ 8.8% ในเดือนมี.ค. โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือนเม.ย.จะทรงตัวที่ 8.8% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานที่พุ่งขึ้นในเดือนเม.ย.นั้นเนื่องมาจากภาคเอกชนสร้างงานใหม่ 268,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน และมากที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ.2549 ขณะที่ภาครัฐลดการจ้างงาน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ แม้ว่าอัตราการขยายตัวในช่วงต้นปีนี้จะอ่อนแอก็ตาม โดยเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งชะลอตัวลงจากอัตราขยายตัวที่ 3.1% ในไตรมาสสี่ของปี 2553
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในระดับนี้ไม่สามารถฉุดให้อัตราว่างงานลดลงได้มาก และการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นการส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานยังคงผันผวนและเปราะบาง
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า การว่างงานจะยังคงเป็นความท้าทายหลักสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ