นายเฉิน เต๋อหมิง รมว.พาณิชย์จีนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน (S&ED) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันว่า บริษัทสหรัฐกำลังสูญเสียโอกาสทางธุรกิจและส่วนแบ่งตลาดในประเทศจีน เนื่องจากนโยบายควบคุมการส่งออกที่สหรัฐนำมาใช้กับจีน
"บริษัทสหรัฐกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในจีน เนื่องจากสหรัฐใช้นโยบายคุมเข้มการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังประเทศจีน" นายเฉินกล่าว พร้อมกับระบุว่า ความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งรวมถึงการที่สองประเทศมีการค้าที่ไม่สมดุลกันมายาวนานหลายปี
ทั้งนี้ นายเฉินกล่าวว่า จีนและสหรัฐได้หารือกันถึงเรื่องความไม่สมดุลทางการค้าในระหว่างการประชุมครั้งนี้ด้วย โดยระบุว่า หนึ่งในแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวคือสหรัฐต้องลดการควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน และส่งเสริมการส่งออกสินค้าจากสหรัฐไปยังจีน แทนการคุมเข้มการส่งออกสินค้า
นอกจากนี้ นายเฉินกล่าวว่า นโยบายควบคุมการส่งออกของสหรัฐไม่ได้ช่วยให้รัฐบาลสหรัฐบรรลุเป้าหมายการผลักดันยอดการส่งออกให้สูงขึ้นเป็นสองเท่าในระยะ 5 ปี หรือบรรลุเป้าหมายการสร้างงานในสหรัฐ พร้อมกับกล่าวว่า จีนมีการค้าที่สมดุลกับประเทศอื่นๆทั่วโลก ยกเว้นสหรัฐ
จากสถิติด้านศุลกากรจีนนั้น จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองและเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับสามของสหรัฐ โดยมีมูลค่าการค้าระดับทวิภาคีทั้งสิ้น 3.85 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2553
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุม S&ED เป็นเวลาสองวันที่กรุงวอชิงตัน มีนายหวัง ฉีซาน รองนายกรัฐมนตรีจีน, นายไต่ ปิงกั๋ว มนตรีแห่งรัฐ, นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ เป็นประธานการประชุมร่วม