สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า การขยายตัวของตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนเม.ย.ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 13.20 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,493.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 21.6 เซนต์ ปิดที่ 35.013 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 เซนต์ ปิดที่ 3.9835 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,769.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 10.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 706.45 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รวมถึงสกุลเงินยูโร เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปทำให้นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์ที่มีความปลอดภัย นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ตามกำหนดในเดือนมิ.ย.นี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.9% ซึ่งดอลลาร์ที่แข็งค่าจะสร้างแรงกดดันให้กับสัญญาทองคำ เพราะจะทำให้สัญญามีราคาสูงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนลดการถือครองทองคำหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ที่ขยายตัว 0.5%