ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เชื่อว่า แนวทางการจัดตั้งบริษัทจำกัด เพื่อบริหารการนำทุนสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนในลักษณะต่าง ๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น จะได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลชุดใหม่ เนื่องจากเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ เพราะขณะนี้เงินทุนสำรองฯที่มีอยู่ราว 6 ล้านล้านบาทนำไปลงทุนได้ผลตอบแทนไม่ถึง 1%
ที่ผ่านมา ธปท.มุ่งการใช้ทุนสำรองเพื่อดูแลการค้าระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก แต่ปัจจุบันนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนไม่จำเป็นที่จะใช้คุมเศรษฐกิจแล้ว เนื่องจากมีนโยบายกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ(Inflation Targeting)ดูแลอยู่แล้ว แต่ควรมีทุนสำรองแค่เพียงพอบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนในระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น
"Reserve อย่างน้อยมีไว้ 6 เดือนของเงินกู้ระยะสั้นก็เพียงพอแล้ว ในต่างประเทศอย่างยุโรปมีแค่ 40-50 นิวซีแลนด์ไม่มีเลยก็ยังอยู่ได้"ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวทั้งนี้ จากการหารือกับผู้ว่าการ ธปท.ก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว และได้มีการจัดโครงสร้างบริษัทเพื่อนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง เหลือเพียงการแก้ไขกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยเพียงมาตราเดียว เนื่องจากมีกฎหมายแพ่งและพาณิชย์รองรับการจัดตั้งนิติบุคคลดังกล่าวอยู่แล้ว และมีการกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เกิดความมั่นคงและความมั่นใจ โดยการนำเงินไปลงทุนจะเน้นที่ตราสารทุนที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับ AAA ขึ้นไป คาดว่าภายในปีนี้น่าจะได้เห็นการจัดตั้งบริษัทดังกล่าวได้