สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ร่วมระบุถึงการตัดสินใจที่จะเริ่มเดินหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ภายหลังการประชุมสุดยอดอียู-ญี่ปุ่น
ผู้นำจากอียูและญี่ปุ่น "เห็นพ้องที่จะเริ่มเดินหน้ากระบวนการเจรจาข้อตกลง FTA ในเชิงลึกและครอบคลุมและข้อตกลงความร่วมมือหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (EPA) ตลอดจนข้อตกลงต่างๆ ซึ่งครอบคลุมประเด็นทางการเมืองและความร่วมมือในระดับโลก"
อียูเชื่อว่าข้อตกลงการค้าเสรีและข้อตกลงที่ครอบคลุมในประเด็นทางการเมืองและประเด็นอื่นๆนั้นจะ "เอื้อประโยชน์เชิงกลยุทธ์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย" นายโฮเซ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายเฮอร์แมน แวน รอมปุย ประธานสภายุโรปและนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ขานรับการตัดสินใจดังกล่าวซึ่งถือได้ว่าเป็นการยุติความขัดแย้งทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและยุโรปที่มีมานานหลายสิบปี โดยการเจรจาข้อตกลงการค้าจะแก้ปัญหาในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการค้าของทั้งสองฝ่ายเช่น มาตรการด้านภาษี บริการ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขัน และการจัดซื้อของรัฐบาล
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ของอียู โดยมูลค่าการค้าต่อปีระหว่างญี่ปุ่นและอียูอยู่ที่ 1.10 แสนล้านยูโร (1.569 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ในปี 2543-2553 ยอดส่งออกของชาติสมาชิก 27 ประเทศของอียูที่ส่งไปญี่ปุ่นร่วงลงเล็กน้อยจากระดับ 4.5 หมื่นล้านยูโร มาอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านยูโร ส่วนยอดนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นลดลง 30% จาก 9.2 หมื่นล้านยูโร มาอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านยูโร สำนักข่าวซินหัวรายงาน