เลือกตั้ง'54: ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดเงินเลือกตั้งสะพัด 3.9 หมื่นลบ.เน้นทุ่มอีสาน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 15, 2011 17:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าศึกเลือกตั้งครั้งนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 39,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งปี 50 ที่มีเม็ดเงินประมาณ 21,000 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับหลายพรรคการเมืองได้เตรียมตัวหาเสียงล่วงหน้าไว้ก่อนการประกาศยุบสภา รวมไปถึงการเน้นการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของพรรคการเมืองที่มุ่งชิง “ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ" ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้เม็ดเงินในศึกเลือกตั้งครั้งนี้เพิ่มสูงตามไปด้วย

เม็ดเงินส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานที่มีจำนวน ส.ส. มากที่สุด รองลงมา ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่มีการแข่งขันกันสูงในแต่ละภาค โดยคาดว่าภาคอีสานจะมีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 11,000 ล้านบาท กทม.คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด 6,300 ล้านบาท ภาคกลางและตะวันออก 5,000 ล้านบาท ภาคเหนือ 6,500 ล้านบาท ภาคกลางและปริมณฑล 4,800 ล้านบาท ส่วนภาคใต้ประมาณ 5,400 ล้านบาท

การกระจายของเม็ดเงินเลือกครั้งนี้จะส่งผลไปถึง ธุรกิจสิ่งพิมพ์ รถยนต์รับจ้าง ธุรกิจให้เช่าเครื่องขยายเสียง ธุรกิจให้เช่าเต็นท์และเวที ร้านขายดอกไม้ ธุรกิจผ้าใบ ไวนิล และอิงค์เจ็ท เป็นต้น นอกจากนั้น ยังกระจายไปยังระบบหัวคะแนนของพรรคการเมืองต่างๆ ผ่านไปยังเครือข่ายจัดตั้ง เช่น เจ้ามือหวย โต๊ะพนันบอล และระบบขายตรง (Direct Sale) ซึ่งจะได้รับเม็ดเงินจากการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ศึกเลือกตั้งปี 54 ถือว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่มีการเปลี่ยนยุทธวิธีการหาเสียง รวมไปถึงรูปแบบในการหาเสียงใหม่ๆ มากขึ้น มีการวางแผนสื่อโฆษณาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการกำหนดเป้าหมายในการใช้สื่อโฆษณา (Media objective) อย่างชัดเจน ทั้งในพรรคการเมืองขนาดใหญ่และพรรคขนาดเล็ก

นอกจากนั้น ยังมีการ“สร้างกระแสทางการเมือง" ในกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การหาเสียงของพรรคการเมืองบางพรรคต้องเผชิญหน้ากับมวลชนที่เป็นฐานทางการเมืองของคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในอดีตไม่ค่อยมีการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงเหมือนการเลือกตั้งครั้งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ