นายหลี่ เคอเฉียง รองนายกรัฐมนตรีของจีน ออกโรงเตือนถึงความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ ระบุทุกประเทศควรเพิ่มการประสานงานกันในด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเพื่อรับประกันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมไปกับการควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ เงินเฟ้อในประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคา โดยอัตราเงินเฟ้อของจีนปรับตัวขึ้นแตะ 5.5% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือน และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะขยายตัวสู่ระดับ 6% ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2554 ของรัฐบาลจีนที่ 4%
นายหลี่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวที่การประชุม Global Think Tank Summit ครั้งที่สอง ที่กรุงปักกิ่ง วานนี้ พร้อมทั้งกล่าวว่า ประเทศต่างๆ ควรทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับการกีดกันทางการค้าและการลงทุน ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการกำกับดูแลเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และส่งเสริมการจัดตั้งระบบการเงินระหว่างประเทศที่ยุติธรรม ครอบคลุม และเป็นระเบียบเรียบร้อย
รองนายกฯจีนยังได้เรียกร้องให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาได้แสดงออกและมีสิทธิ์มีเสียงเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเชื่อมช่องว่างระหว่างประเทศยากจนกับประเทศร่ำรวย ซึ่งเขาเชื่อว่ามีความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าของโลกในระยะยาว
นายหลี่กล่าวต่อไปว่า ในช่วงห้าปีข้างหน้า จีนจะเร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และพยายามรักษาสมดุลระหว่างการรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและค่อนข้างรวดเร็ว การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการกำกับดูแลการคาดการณ์เงินเฟ้อ
นอกจากนี้ จีนยังจะส่งเสริมความต้องการภายในประเทศ ใช้แนวทางการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรักษาสมดุลระหว่างการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลาสองวัน ภายใต้แนวคิด "การกำกับดูแลเศรษฐกิจโลก: ความรับผิดชอบร่วมกัน" โดยมีนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้ประกอบการ และตัวแทนจากหน่วยงานวิจัยจากทั้งจีนและต่างประเทศเข้าร่วมประชุมมากกว่า 500 คน