BIS แนะธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) แนะนำว่า ธนาคารกลางทั่วโลกควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และอาจจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยรวดเร็วกว่าในช่วงที่ผ่านมา

รายงานประจำปีของ BIS ระบุว่า การใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินทั่วโลกถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการควบคุมเงินเฟ้อ และลดความเสี่ยงต่างๆที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพด้านการเงิน ทั้งนี้ BIS แนะนำว่าธนาคารกลางทั่วโลกอาจจะต้องเตรียมความพร้อมในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในจังหวะที่รวดเร็วกว่าแต่ก่อน

นอกจากนี้ BIS ระบุว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น ขณะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแค่ในวงจำกัด ซึ่งความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นนี้จำเป็นต้องรับมือด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นไปแล้ว 20% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งกดดันให้บริษัทเอกชนต้องขึ้นค่าแรงและส่งผ่านภาระต้นทุนที่สูงขึ้นนี้ไปให้กับผู้บริโภค

รายงานของ BIS มีขึ้นในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางของประเทศยักษ์ใหญ่ทั่วโลกใช้นโยบายการเงินที่แตกต่างกัน โดยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.25% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในการประชุมเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ธาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดที่ 0-0.25% และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ 0% พร้อมกับคงโครงการซื้อสินทรัพย์เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ BIS ยังเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกเสริมสร้างสถานะการคลังให้แข็งแกร่ง โดยระบุว่า ความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดคือการดำเนินการน้อยเกินไปและช้าเกินไป แทนที่จะดำเนินการอย่างทันท่วงที พร้อมกับแนะนำว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของยุโรปจะต้องเร่งแก้ปัญหาหนี้สาธารณะเป็นลำดับแรก และเตือนว่าหากสหรัฐไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเผชิญกับภาวะไร้เสถียรภาพ