นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.คลังคนใหม่ว่า ควรจะเป็นที่ยอมรับของทั้งไทยและต่างประเทศ ส่วนการดำเนินนโยบายนั้นหวังว่าจะยังคงยึดนโยบายงบประมาณสมดุลใน 5 ปี และยืนยันว่างบประมาณในปี 55 จะขาดดุลไม่เกิน 3.5 แสนล้านบาท เพื่อรักษาวินัยทางการเงินการคลัง แต่หากจะมีการกู้เงินเพิ่มจะต้องเป็นการลงทุนในโครงการสำคัญที่ยอมรับได้
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ก.คลังเป็นกระทรวงสำคัญที่ดูแลเศรษฐกิจการเงินของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา บุคคลที่เป็น รมว.คลัง ถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้น หวังว่า รัฐบาลใหม่จะเลือกบุคคลที่มีความรู้ เป็นที่ยอมรับในทุกระดับ ทั้งในและต่างประเทศ และเชื่อว่า การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าไม่น่าจะมีปัญหา
ทั้งนี้ เตรียมจะเสนอต่รัฐบาลใหม่พิจารณาหลายเรื่อง โดยเฉพาะการจัดทำงบประมาณประจำปี 55 ซึ่งรัฐบาลเดิมได้วางนโยบายงบสมดุลภายใน 5 ปี หรือภายในปี 58 ดังนั้น รัฐบาลใหม่คงต้องพิจารณาเกี่ยวกับรายจ่ายและรายรับของรัฐบาล และพิจารณาถึงฐานะของประเทศในแต่ละปี ซึ่งหากรัฐบาลใหม่ไม่ต้องการจัดทำงบประมาณแบบสมดุล ตามกรอบที่วางไว้ ดังนั้น การกู้เงินของรัฐบาลจะต้องใช้เพื่อการลงทุนสำคัญของประเทศ
ในขณะที่กรอบงบประมาณปี 55 เดิมเป็นงบประมาณขาดดุลไม่เกิน 3.5 แสนล้านบาท เป็นสัญญาที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังยึดตามวินัยการเงินการคลัง แต่หากรัฐบาลชุดใหม่ต้องการเปลี่ยนแปลง คงต้องพิจารณาภาพรวมที่จะเกิดขึ้น และหากรัฐบาลใหม่จะจัดทำงบประมาณไม่สมดุลต่อไปเรื่อย ๆ รายจ่ายประจำของรัฐบาลต้องควบคุมได้ ปัจจุบัน งบรายจ่ายประจำคิดเป็น 70% ของรายจ่ายทั้งหมด
สำหรับนโยบายการปรับลดภาษี มองว่า รมว.คลังคงต้องพิจารณาจากภาพรวมทั้งในแง่ รายได้ของประเทศ การลดรายจ่ายด้านอื่นๆ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ
"การปรับลดภาษีไม่ใช่เกิดขึ้นทันที แต่ต้องดูทั้งโครงสร้างภาษีต้องมีการพูดคุยในภาพใหญ่ ซึ่งรัฐมนตรีคลังต้องดูข้อเท็จจริง รายจ่ายและรายได้ทุกตัว"ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว