ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ธนาคารกลางจะยังคงใช้นโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
แถลงการณ์ที่สรุปผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนรายไตรมาสระบุว่า แม้ว่า เศรษฐกิจจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางของเป้าหมายการควบคุมในระดับมหภาคที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ แต่จีนยังคงเผชิญกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินที่ซับซ้อน ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีความเปราะบางและมีความไม่แน่นอนในด้านต่างๆ
รัฐบาลจะยังคงดำเนินการเพื่อทำให้นโยบายการเงินมีเสถียรภาพ, ตรงเป้าหมาย และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยรัฐบาลจะใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายเพื่อตรวจสอบสภาพคล่องและรักษาปริมาณเงินหมุนเวียนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
-- รายงานอิโคโนมิค รีวิวที่แบงก์ ออฟ ไชน่า (ฮ่องกง) ได้เปิดเผยเมื่อวานนี้ ระบุว่า การที่ฮ่องกงเป็นตลาดเงินหยวนออฟชอร์จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านความสามารถในการแข่งขันและสถานะของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เงินฝากสกุลหยวนของฮ่องกง 16% มาจากองค์กรในต่างประเทศ
ในไตรมาสแรกของปีนี้ การชำระบัญชีการค้าสกุลเงินหยวนประมาณ 86% ระหว่างจีนและคู่ค้าในต่างประเทศได้มีการดำเนินการผ่านฮ่องกง โดยในจำนวนนั้น 19.3% ได้มีการดำเนินการระหว่างธนาคารผู้รับและบริษัทเอกชนที่อยู่นอกฮ่องกง
-- ยอดค้างชำระของเงินกู้ร่วมที่ให้กับธนาคารที่เป็นสมาชิกของสมาคมการธนาคารจีนภายในช่วงสิ้นปีที่แล้ว อยู่ที่ 2.47 ล้านล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 8.59% ของเงินกู้ที่ได้มีการปล่อยให้บริษัทต่างๆ
หยาง ไซผิง รองประธานของสมาคมการธนาคารจีนกล่าวว่า การปล่อยเงินกู้ร่วมในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 33.51% เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดการปล่อยเงินกู้ร่วมครั้งใหม่อยู่ที่ 1.0085 ล้านล้านหยวน
-- กองทุนสวัสดิการสังคม (SSF) ของจีนได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นเอชในธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า ลงเหลือ 16.98% จากระดับ 17.99%
ไต้ เซียงหลง ประธาน SSF กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การลดสัดส่วนการถือหุ้นลงนั้นเป็นการดำเนินการตามปกติ สำนักข่าวซินหัวรายงาน