นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามีการเคลื่อนไหวลักษณะผันผวนมากขึ้นระหว่าง 5% สูงกว่าระดับปกติซึ่งมีความผันผวนที่ 3-4% เนื่องจากมีเงินทุนไหลเข้าประเทศยอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงตลาดหุ้นด้วย ซึ่งสถานการณ์น่าจะเป็นลักษณะนี้ต่อไป เพราะปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังไม่มีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป
“ความผันผวนของค่าเงินบาทตอนนี้สูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 5% กว่าๆ ต่อไปเงินจะทุนไหลเข้าออกเร็ว ค่าเงินบาทมีความผันผวนสูง จะกลายเป็นความปกติใหม่ ที่เราต้องเผชิญ"นางผ่องเพ็ญกล่าว
ทั้งนี้ ธปท.ได้ติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งการมีข้อมูลการติดตามที่รับรู้สถานการณ์ได้รวดเร็วขึ้นจะทำให้ดูแลค่าเงินบาทได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนโยบายในการเข้าดูแลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์เหล่านี้เชื่อว่าผู้ประกอบการไทยจะสามารถบริหารจัดการรับมือภาวะความผันผวนได้โดยไม่กระทบมากนัก
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า นโยบายปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% ให้ลดลงเหลือ 23% ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยปัจจุบันสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการลดภาษีจะทำให้ความสามารถการแข่งขันของไทยใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตามการปรับลดภาษีส่งผลให้รายได้รัฐบาลลดลง ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องหารายได้เพิ่มขึ้นเพื่อมาชดเชยส่วนนี้ แต่วิธีการหารายได้เพิ่ม ไม่ควรไปเพิ่มอัตราการจัดเก็บอีก เพราะอัตราที่จัดเก็บในปัจจุบันสูงอยู่แล้ว ควรใช้วิธีการขยายฐานภาษีเพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นจะเพราะสมกว่า เพราะฐานผู้เสียภาษีขณะนี้ยังน้อยมากเทียบจำนวนประชากรโดยรวมของไทย