ผลการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ราคาบ้านในเมืองใหญ่ของออสเตรเลียจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่ากำลังซื้อต่อไปจนถึงปี 2563
รายงานชื่อ "ความฝันอันยิ่งใหญ่ของชาวออสเตรเลียจะเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นหรือ?" ซึ่งจัดทำโดยศูนย์จำลองแบบเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NATSEM) และ AMP ได้ศึกษาความสามารถในการหาซื้อบ้านตั้งแต่ปี 2544-2554 โดยใช้ข้อมูล อาร์พี ดาต้า ซึ่งติดตามข้อมูลเกี่ยวกับราคาบ้าน และเปิดเผยรายละเอียดในวันนี้
ผลการศึกษาพบว่า ค่ากลางของราคาบ้านในออสเตรเลียพุ่งขึ้น 147% สู่ระดับ 460,000 ดอลลาร์ในระหว่างปี 2544-2554 โดยซิดนีย์ยังคงเป็นเมืองที่บ้านมีราคาแพงที่สุด ด้วยราคากลางที่ 564,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่บ้านในเมืองโฮบาร์ทมีราคาถูกที่สุด
เบน ฟิลลิปส์ จากมหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานหลักระบุว่า ในขณะที่ค่ากลางของราคาบ้านเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ค่ากลางของรายได้กลับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ครึ่งเดียว
รายงานดังกล่าวอ้างว่า ในปี 2544 บ้านมากกว่าครึ่งหนึ่งในแถบชานเมืองของประเทศมีราคาที่สามารถหาซื้อได้ ในขณะที่ปัจจุบันมีเพียงแค่ 4% เท่านั้น เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนราคาบ้านต่อรายได้
นายฟิลลิปส์กล่าวว่า ที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียมีราคาสูงขึ้นเป็นอย่างมากและจะยังทรงตัวในระดับดังกล่าวต่อไปอีกใน 10 ปีข้างหน้า พร้อมระบุว่า ราคาบ้านที่อยู่ในระดับสูงได้เพิ่มความตึงเครียดด้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนโสดหรือพ่อหรือแม่ที่เลี้ยงลูกเพียงลำพังคนเดียว
นอกจากนี้ การศึกษาดังกล่าวยังบ่งชี้ว่า ซิดนีย์เป็นเมืองที่มีความตึงเครียดด้านที่อยู่อาศัยมากที่สุด โดย 28% ของครัวเรือนใช้รายได้สุทธิกว่า 30% ไปกับค่าใช้จ่ายเรื่องบ้าน ตามมาด้วยเมืองเพิร์ธที่ 23%, บริสเบน 19%, เมลเบิร์น 18%, อะดีเลด 16%, มณฑลนครหลวงและมณฑลตอนเหนือของออสเตรเลียที่ 17% และ โฮบาร์ท 13% สำนักข่าวซินหัวรายงาน