สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นหลายแห่งอ่อนแรงลงยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนย้ายฐานการลงทุนเข้ามาในตลาดทองคำด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 21.80 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,666.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,654.40-1,675.90 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.666 เซนต์ ปิดที่ 41.758 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือน
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 8.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,785.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 31.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 795.10 ดอลลาร์/ออนซ์
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเมื่อวานนี้ ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่ง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่การที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและยุโรปร่วงลงอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนย้ายฐานการลงทุนเข้ามาในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงพันธบัตรและทองคำ และเมื่อไม่นานมานี้ ทางการจีนและยุโรปเปิดเผยว่าภาคการผลิตชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองอย่างคับคั่ง
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรของอิตาลีและสเปนที่พุ่งขึ้นยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามเข้าสู่อิตาลีและสเปน
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำแม้มีสัญญาทางเทคนิคบ่งชี้ว่าตลาดมีแรงซื้อเข้ามามากเกินไปก็ตาม ผมคาดว่านักลงทุนจะเข้าซือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อไป จนกว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น"