นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ คือ รอบที่ 21 โดยจะเปิดประกวดราคาคัดเลือกเอกชนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวม 30 แปลง โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 20 แปลง และในอ่าวไทย 5-6 แปลง รวมถึงแหล่งน้ำมันดิบใน อ.แม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ เสนอให้ รมว.พลังงานคนใหม่อนุมัติประกวดราคาในไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งการลงทุนสำรวจในแต่ละแหล่งเอกชนจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 1 ล้านดอลลาร์ คาดว่าการให้สัมปทานรอบนี้จะใช้เม็ดเงินลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 30 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 900 ล้านบาท
โดยเอกชนที่ได้รับสัมปทานจะมีเวลาในการสำรวจ 3 ปี หากพบแหล่งปิโตรเลียมจะต้องประเมินปริมาณสำรอง และรายได้ที่รัฐจะได้รับตลอดอายุสัมปทาน โดยแต่ละแหล่งจะมีอายุสัมปทาน 25 ปี และเมื่อเริ่มผลิตปิโตรเลียม รัฐจะได้ประโยชน์ในรูปของเงินค่าภาคหลวงในอัตรา 5-15% ตามระดับของอัตราการผลิต และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมในอัตรา 50% ของกำไรสุทธิ แต่หากเป็นแหล่งใหญ่หรือน้ำมันมีราคาสูงจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษเพิ่มขึ้น โดยรายได้จากค่าภาคหลวงจากการให้สัมปทานรอบที่ 21 จะรับรู้ได้ในอีก 7-8 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ผลิตได้ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในขณะนั้น
นายทรงภพ กล่าวว่า ในปีนี้ไทยผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งในประเทศและพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ในรูปของก๊าซธรรมชาติ คอนเดนเสทและน้ำมันดิบ คิดเป็นปริมาณเทียบเท่าน้ำมันดิบวันละประมาณ 8 แสนบาร์เรล หรือ 64% ของความต้องการปิโตรเลียมในประเทศ โดยรัฐได้ผลตอบแทนทั้งหมดรวมเป็นเงิน 1.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีรายได้ 1.23 แสนล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นปี และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งปลาทอง 2 ที่จะเข้าสู่ระบบในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
อย่างไรก็ดี กรมฯ จะแก้ไขระเบียบต่างๆ ให้เกิดความยุติธรรมและโปร่งใสมากขึ้นในการให้สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เช่น การทยอยเปิดสัมปทานครั้งละ 5 แปลง รวมทั้งกำหนดให้วางเงินประกันการลงทุน เพื่อป้องกันการครอบครองสิทธิโดยไม่ลงทุนสำรวจอย่างจริงจัง ส่วนพื้นที่สัมปทานที่อยู่ใกล้ชุมชน เช่น พื้นที่ใกล้เกาะสมุย และเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี จะพิจารณาอย่างรอบคอบ และจะทำความเข้าใจกับชุมชนเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อต้าน
ทั้งนี้ การลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา จากปี 49 จนถึงปี 53 มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท โดยการลงทุนสำรวจปิโตรเลียมมีมูลค่าเฉลี่ยปีละกว่า 1 แสนล้านบาท และในปี 53 มีมูลค่าสูงถึง 1.45 แสนล้านบาท