สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเปราะบางอันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,793.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 53.2 เซนต์ ปิดที่ 40.351 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.8 เซนต์ ปิดที่ 3.994 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 10.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 756.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 20.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,818.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ผลการประชุมระหว่างนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็ไม่ได้ช่วยให้ตลาดมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจยุโรปมากขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดทองคำได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำอย่างหนาแน่น เนื่องจากสัญญาทองคำซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์
"ทองคำยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในระยะนี้ โดยเฉพาะในช่วงใกล้ถึงเดือนก.ย. และช่วงใกล้เทศกาลวิวาห์และเทศกาลเฉลิมฉลองในอินเดีย ผมคาดว่ากลุ่มผู้ทำอัญมณีจะเข้าซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการในช่วงเทศกาลดังกล่าว" ดาลีกล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอลคาดว่า สัญญาทองคำอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเปราะบาง
ส่วนสัญญาทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ร่วงลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขสร้างบ้านใหม่ในเดือนก.ค.ร่วงลง 1.5% มาอยู่ที่ระดับ 604,000 ยูนิต