สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อวันจันทร์ นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดของจีนและเยอรมนี ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 30.6 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,861.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวันที่ 1917.9 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.034 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.291 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.05 เซนต์ ปิดที่ 3.996 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 25.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,880.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 764.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลีย์ นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัทพีเอฟจีเบสท์ กรุ๊ป ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ นอกจากนี้ ข้อมูลในภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและเยอรมนี ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางโลกซึ่งจะมีขึ้นที่รัฐไวโอมิงในวันศุกร์นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมครั้งนี้ด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ และมาร์กิต อิโคโนมิค เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้น (Flash PMI) ของจีน อยู่ที่ระดับ 49.8 จุดในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด นอกจากนี้ เอชเอสบีซีระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ของเยอรมนีทรงตัวอยู่ที่ 52 จุด ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 50.8 จุด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การที่สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้อาจเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร
ธนาคารยูบีเอส และวาณิชธนกิจอีกหลายแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำ โดยยูบีเอสคาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปีนี้ แม้นักลงทุนบางกลุ่มวิตกกังวลว่าราคาทองคำอาจจะเข้าสู่ระยะพักฐานก็ตาม