นักเศรษฐศาสตร์ชาวอินโดนีเซียคาดการณ์ว่ากระแสเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าในอินโดนีเซียจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางและปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหาภาคที่แข็งแกร่งของประเทศจะยังคงดึงดูดเงินทุนต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
การคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์มีขึ้นหลังจากที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดีส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลกระทบให้ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นอินโดนีเซียร่วงลง 33.44 จุด ที่ระดับ 3,847 จุดเมื่อวานนี้
นสพ.จาการ์ต้า โพสต์รายงานโดยอ้างคำกล่าวของนักเศรษฐศาสตร์ว่า ตลาดหุ้นร่วงลงเป็นการชั่วคราวโดยระบุว่านักลงทุนต่างชาติจะปรับพอร์ทการลงทุนใหม่และจะกลับมาลงทุนในประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ดี เช่นอินโดนีเซีย เนื่องจากปัจจัยของตลาดหุ้นทั่วโลกขณะนี้ไม่น่าไว้วางใจ
อินโดนีเซียมีกระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าประเทศอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เมื่อช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง การเมืองที่มีเสถียรภาพ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับปานกลาง และมีอัตราดอกเบี้ยสูงซึ่งช่วยดึงดูดนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงจากประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์ถึงการเพิ่มระดับการลงทุน การเกิดขึ้นของชนชั้นกลาง และระดับความมั่งคั่งที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นปัจจัยหนุนในช่วงที่ผ่านมาด้วย
เศรษฐกิจอินโดนีเซียรอดพ้นจากวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 - 2552 ด้วยอัตราการขยายตัวที่ 4.5% ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวสูงสุดรองจากจีนและอินเดีย นับจากนั้นมาเศรษฐกิจขยายตัว 6.1% ในปี 2552 และคาดว่าจะขยายตัว 6.9 - 7.0% ในปีนี้
ด้านธนาคารกลางอินโดนีเซียตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมที่ 6.75% นับตั้งแต่ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.พ.หลังจากที่คงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมมาเป็นเวลากว่า 2 ปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน