รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของสหรัฐ และนักเศรษฐศาสตร์ของทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของสหรัฐไม่มีการขยายตัวในเดือนส.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐจะประกาศใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 - 80,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.ยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 9.1%
นางฮิลดา โซลิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ของสหรัฐว่า รายงานตัวเลขจ้างงานในเดือนส.ค.ทำให้เธอวิตกกังวลอย่างมากต่ออนาคตของเศรษฐกิจภายในประเทศ และยอมรับว่าสหรัฐกำลังเผชิญกับวิกฤติที่รุนแรงมากในขณะนี้
ขณะที่นางแคทเธอรีน อับราฮัม นักเศรษฐศาสตร์ของทำเนียบขาวกล่าวว่า อัตราว่างงานของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับ "สูงเกินกว่าจะยอมรับได้" ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก
นางอับราฮัมกล่าวผ่านบทความซึ่งเผยแพร่ในบล็อกของทำเนียบขาวว่า แม้ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 18 เดือน คิดเป็นตัวเลขจ้างงานทั้งสิ้น 2.4 ล้านคนในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ในภาครัฐได้ลดการจ้างงานลงทั้งสิ้น 398,000 ตำแหน่งนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2553 ซึ่งนางอับราฮัมย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นต้องขยายตัวรวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงจะสามารถหนุนตัวเลขจ้างงานให้เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่าในสัปดาห์หน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เสนอให้มีการใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการสร้างงานและหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น
เซบาสเตียน มอลลาบี เจ้าหน้าที่จากสภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐกล่าวว่า การร่วงลงของราคาบ้านจะส่งผลกระทบต่อดุลบัญชีของธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งจะทำให้ภาคครัวเรือนมีความรู้สึกยากจนลง และยังสร้างความเสียหายต่อการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือนด้วย นอกจากนี้ ครัวเรือนจำนวนมากยังคงต้องจ่ายคืนหนี้นับตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่ไฮดี เชอร์โฮล์ซ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจในนครวอชิงตันกล่าวว่า สหรัฐสูญเสียตำแหน่งงานไปมากกว่า 8 ล้านตำแหน่งในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงิน อันเป็นผลมาจากภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
"ตัวเลขจ้างงานที่ไม่มีการขยายตัวในเดือนส.ค.ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข และในช่วงก่อนเดือนส.ค.นั้น ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐก็เพิ่มขึ้นน้อยเกินกว่าที่จะฉุดอัตราว่างงานให้ปรับตัวลดลงได้ ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดแรงงานซบเซาลงนั้นมาจากภาวะอุปสงค์ชะลอตัว ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งใช้มาตรการกระตุ้นอุปสงค์และการสร้างงานภายในประเทศ เช่นการนำมาตรการลดหย่อนภาษีกลับมาใช้ใหม่ และเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน" เชอร์โฮล์ซกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน