สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อในส่วนของการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนส.ค. ซึ่งชะลอตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 37 ปีที่ 6.5%
รายงานของ NBS ระบุว่า ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น 13.4% ในเดือนส.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 14.8% ในเดือนก.ค. โดยราคาอาหารถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนี CPI พุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2554 ของธนาคารกลางจีนที่ระดับ 4%
ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางจีนพยายามควบคุมการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ โดยธนาคารกลางได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ และยังได้ปรับเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ 6 ครั้งในปีนี้ด้วย
นายปา ชูซง นักวิเคราะห์จากศูนย์การวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งรัฐสภาจีนกล่าวว่า "เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลงเนื่องจากรัฐบาลใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะจับตาดูสถานการณ์ก่อนที่จะประกาศใช้มาตรการเศรษฐกิจมหภาคเพิ่มเติม เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปและสหรัฐ ได้ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในความไม่แน่นอนมากขึ้น"
นอกจากนี้ NBS เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง พุ่งขึ้น 7.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน