เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบเงินยูโรและเงินสกุลอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากการประกาศแผนสร้างงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ ส่งผลให้นักลงทุนแห่ซื้อเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะที่เงินยูโรร่วงลงหลังสมาชิกคนสำคัญของคณะกรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลาออกอย่างไม่คาดฝัน
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.58% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3662 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3881 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่า 0.56% เทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.5868 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5957 ดอลลาร์/ปอนด์
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.97% เทียบเงินฟรังค์สวิส ที่ระดับ 0.8836 ฟรังค์/ดอลลาร์ จาก 0.8751 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนค่า 0.01% เทียบเงินเยนที่ 77.490 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 77.500 เยน/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่า 1.06% เทียบดอลลาร์สหรัฐที่ 1.0460 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 1.0572 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็อ่อนค่า 1.10% เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.8215 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.8306 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เสนอแผนสร้างงานมูลค่า 4.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยเน้นไปที่การลดภาษีและเพิ่มงบประมาณให้กับภาคส่วนที่มีความสำคัญ แต่นักลงทุนยังกังขาว่าแผนดังกล่าวจะผ่านการรับรองจากสภาคองเกรสหรือไม่ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัวที่เด่นชัดเลย ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง นักลงทุนจึงแห่ซื้อเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ขณะเดียวกันเงินยูโรก็ร่วงลงหลังจากที่อีซีบีประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า นายเจอร์เกน สตาร์ค ซึ่งเป็นหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารอีซีบี จะออกจากตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้เป็นอย่างช้า ด้วยเหตุผลส่วนตัว อย่างไรก็ตาม สื่อต่างๆตีข่าวว่าเขาลาออกเพราะต่อต้านนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรของอีซีบี ซึ่งทำให้นักลงทุนกลัวว่าความแตกแยกในอีซีบีอาจส่งผลกระทบต่อบทบาทของอีซีบีในการกู้วิกฤตหนี้สินในยุโรป