นายธัชพล กาญจนกูล รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส กลุ่มลงทุนและบริหารเงิน ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้ปรับพอร์ตการลงทุนหลังเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปมีแนวโน้มชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ธนาคารได้ลดพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ-ยุโรป ซึ่งมีมูลค่าลงทุนรวมกว่า 2-3 พันล้านบาท และหันมาลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศแทน
และจากแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าถึงสิ้นปีอาจจะมีการปรับขึ้นอีกแค่ 0.25% ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับมาเป็นบวกได้ หลังจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ส่งสัญญาณการชะลอขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไป ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นเริ่มชะลอลงไปด้วย ธนาคารจึงปรับพอร์ตการลงทุนมาเป็นระยะยาวมากขึ้น แต่การระดมเงินฝากจะออกเป็นระยะสั้น 3 เดือน
"ที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราไม่รีบลงทุน แต่ตอนนี้จะหันมา fix ยาวขึ้น ส่วนเงินฝากจะเน้น 3 เดือนเป็นหลัก ก็ถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาที่แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วรวมกว่า 1% แต่ต้นทุนของธนาคารเพิ่มขึ้นแค่ 0.30%" นายธัชพล กล่าว
ส่วนการลงทุนในหุ้นที่ตลาดมีความผันผวน ธนาคารจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องดี อยู่ในกลุ่ม Set50 มีปัจจัยพื้นฐานดี และจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยการซื้อขายหุ้น จะกำหนดจุดทำกำไร หรือราคาที่น่าซื้อเก็บเข้าพอร์ต
นายธัชพล กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมาพอร์ตการลงทุนของธนาคารที่มีกว่า 2 แสนล้านบาทสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนในระบบ โดยสัดส่วนพอร์ตลงทุนของธนาคาร 70% เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ และ 30% จะลงทุนในหุ้น กองทุน ตราสารทุน และกองทุนทางเลือก
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังได้เข้าลงทุนในทองคำมากขึ้น โดยปัจจุบันเข้าลงทุนกองทุนทองคำทุกกอง และจากราคาทองที่ปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สามารถทำกำไรให้แล้วกว่า 200-300 ล้านบาท และในปี 55 ธนาคารกำลังมองหาการลงทุนใหม่ๆ เช่น Silver เนื่องจากมองว่าทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่เป็นปัญหาจะส่งผลต่อราคาทองคำ Silver ให้เพิ่มสูงขึ้น
"ยอมรับว่าจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ การลงทุนในตลาดจะมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้นการลงทุนของธนาคารจะเน้นการวิเคราะห์ ประเมินความเสี่ยง และติดตามใกล้ชิด" นายธัชพล กล่าว