สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอีกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดอื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าซีเอ็มอี กรุ๊ป ผู้บริหารตลาดทองคำล่วงหน้า COMEX ประกาศขึ้นค่ามาร์จิ้นสัญญาทองคำเพื่อสกัดการเก็งกำไร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 45 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 1,594.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.เป็นต้นมา โดยในระหว่างวัน สัญญาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,535.00-1,666.30 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 12.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 29.976 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.3 เซนต์ ปิดที่ 3.283 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 66.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,546.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 15.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 627.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนยังคงกระหน่ำขายสัญญาทองคำเพื่อชดเชยสภาพคล่องที่ตึงตัว อันเนื่องมาจากการขาดทุนในตลาดอื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากซีเอ็มอี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดทองคำล่วงหน้า COMEX ประกาศขึ้นค่ามาร์จิ้น หรือเงินหลักประกันในการซื้อสัญญาทองคำอีก 21.4% เป็น 11,475 ดอลลาร์/สัญญาทอง 100 ออนซ์ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% และส่งผลให้สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนัก
ทั้งนี้ การประกาศขึ้นค่ามาร์จิ้นสัญญาทองคำของซีเอ็มอีมีเป้าหมายที่จะสกัดการเก็งกำไรในตลาด หลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากธนาคารเอชเอสบีซีมองว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอีกเมื่อวงจรของการเทขายสิ้นสุดลง โดยที่ผ่านมานั้นตลาดทองคำผันผวนอย่างหนักเนื่องจากการเก็งกำไรในระยะสั้น