ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มเงินบาทในสัปดาห์หน้า (วันที่ 3-7 ต.ค.54) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 31.05-31.40 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยคงต้องจับตาผลการลงมติการมอบอำนาจเพิ่มเติมให้แก่กองทุน EFSF ของเนเธอร์แลนด์และมอลตา การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) การพิจารณาของ EU/IMF ว่าจะอนุญาตให้กรีซเบิกถอนเงินช่วยเหลืองวดถัดไปเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคการผลิต-ภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม อัตราการว่างงาน เดือนก.ย. ยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้าง และสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อไทยที่อาจขยับลงในเดือนก.ย.ด้วยเช่นกัน
โดยเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่าทดสอบ 31.20 บาท/ดอลลาร์ฯ ก่อนจะฟื้นตัวบางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเงินบาทถูกกดดันในช่วงต้นสัปดาห์จากแรงขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก และการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงสิ้นเดือนของกลุ่มผู้นำเข้าอีกด้วย อย่างไรก็ดี เงินบาทหักล้างช่วงติดลบลงบางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ (แม้ว่าสกุลเงินเอเชียอื่นๆ จะมีทิศทางอ่อนค่าลง) หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทย โดยในวันศุกร์ (30 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 31.10 จากระดับ 30.85 บาท/ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 ก.ย.)
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 3-7 ต.ค. 54 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจยังคงผันผวนต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าของการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ การประกาศดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจแกนหลัก อาทิ สหรัฐฯ และยุโรป ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป รวมถึงการรายงานเครื่องชี้ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ และตัวเลขเงินเฟ้อของไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 904 และ 867 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 950 และ 972 จุด ตามลำดับ