สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงไปถึง 2.5% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ การปรับฐานขึ้นของราคาน้ำมันดิบและความกังวลเรื่องหนี้สินของกรีซยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 25.6 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,641.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,596.60-1,648.90 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 51.3 เซนต์ ปิดที่ 30.352 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ ปิดที่ 3.1060 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 14.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,482.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดตัวขึ้น 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 570.35 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนได้เข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลง 41.7 ดอลลาร์ หรือ 2.5% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำและโลหะเงินเพื่อเก็งกำไร
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGbest กล่าวว่า "ตลาดทองคำนิวยอร์กขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางเทคนิคในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ โดยมีแนวรับตั้งรออยู่ที่ 1,590 -1,595 ดอลลาร์ ซึ่งแนวรับที่สูงเช่นนี้ช่วยกระตุ้นให้มีแรงซื้อใหม่ๆเข้ามาในตลาด"
"นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบและสถานการณ์ที่ยังคงเปราะบางของกรีซและประเทศอื่นๆในยุโรป ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเลือกที่จะลงทุนในทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย" ดาลีกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คนอื่นๆมองว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นกับตลาดทองคำในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้ความต้องการในการถือครองทองลดน้อยลงไปส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ รายงานที่ว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย.ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 91,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. มากกว่าเดือนส.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 89,000 ตำแหน่ง และยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง