สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากที่สหรัฐเผยยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาด นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าก็หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ทะยาน 14.5 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 1,683 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.บวก 50.6 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 32.173 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ขยายตัว 10.15 เซนต์ หรือ 3% ปิดที่ 3.4085 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 22.5 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 1,554.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ทะยาน 26.45 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 620.55 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐขยายตัว 1.1% ในเดือนกันยายน เหนือกว่าระดับ 0.3% ในเดือนสิงหาคม และสูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 0.7% นอกจากนั้นยังขยายตัวมากที่สุดในรอบ 7 เดือน
ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 1,891.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม และร่วงลงต่อเนื่องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำที่ดีดตัวในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่า ราคาทองคำไม่น่าจะร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,650 ดอลลาร์ในเร็วๆนี้
อุปสงค์ทองคำยังแข็งแกร่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐ โดยบรรดารัฐมนตรีคลังยุโรปกำลังเตรียมแผนช่วยเหลือธนาคารและประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ในภูมิภาค ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอนาคต นักลงทุนจึงยังต้องการซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ