สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 23.2 ดอลลาร์ หรือ 1.45 ปิดที่ 1,636.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 91.2 เซนต์ ปิดที่ 31.193 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 16.55 เซนต์ ปิดที่ 3.223 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 33.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 618.25 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 18.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,509.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดทองคำนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในตะกร้าเงิน เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีการคาดการณ์ว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ใกล้จะตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการเพิ่มทุนให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาทองคำร่วงลงทั้งสิ้น 4.2% ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข่าวความเคลื่อนไหวในสหภาพยุโรป และข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนในแต่ละวัน
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "ตลอดทั้งสัปดาห์ ตลาดทองคำนิวยอร์กได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสถานการณ์ที่เปราะบางในยุโรป นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลล์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ด้วยความคาดหวังว่าผลการประชุมจะออกมาเป็นที่น่าพอใจ"