นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.เพิ่มความถี่ในการปรับพอร์ตการลงทุนหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศนโยบายต่าง ๆ ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก โดยเฉพาะนโยบายการค้าที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในทุกตลาด ทำให้ กบข.จะกำหนดกลุ่มสินทรัพย์ใหม่ เช่น ดึงทองคำออกจากสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่อเงินเฟ้อ และจะทบทวนพอร์ตลงทุนมากขึ้นจากปกติที่ทำปีละ 1-2 ครั้ง แต่ปีนี้ปรับไปแล้ว 3 ครั้ง ครั้งต่อไปคาดว่าจะดำเนินการในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้
เริ่มแรกที่นายทรัมป์เข้ามารับตำแหน่ง กบข.ยังมองสถานการณ์ในทางบวก โดยเฉพาะเชื่อว่าสถานการณ์สงครามความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์หลายพื้นที่ของโลกจะจบสิ้นลง เพราะนายทรัมป์ไม่ชอบสงคราม แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในในเกณฑ์ที่ดี ไม่ติดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะสร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก และแม้กระทั่งภายในสหรัฐเองก็ได้รับผลกระทบอย่างมากไปด้วย แม้ว่าในด้านสงครามการค้ากับประเทศต่าง ๆ จะมีระยะเวลา 90 วันที่ยืดการปรับขึ้นภาษีนำเข้าออกไป แต่สถานการณ์ทุกอย่างเกิดความไม่แน่นอน และเชื่อว่าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
นายทรงพล กล่าวว่า แม้ว่าการลงทุนทั่งโลกผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่ภาพรวมพอร์ตการลงทุนของ กบข.ขณะนี้ยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายเอาชนะเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี บวก-ลบ 2% ได้ แม้ว่าบางแผนอาจมีผลตอบแทนลดลง เนื่องจาก กบข.บริหารพอร์ตแบบ Strategic Asset Allocation โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค.67 พอร์ตลงทุนมีขนาดมากกว่า 4.9 แสนล้านบาท 56.76% เป็นตราสารหนี้ 22.62% เป็นตราสารทุน และอีก 20.62% เป็นสินทรัพย์ทางเลือก
การลงทุนของ กบข.ได้ปิดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความไม่มั่นใจในนโบายของสหรัฐ ซึ่งทองคำถูกนำมาเป็นหนึ่งในสินทรัพย์สำคัญที่เข้ามาปิดความเสี่ยงในหลายตลาด ช่วงที่ผ่านมา กบข.เองก็ได้ทยอยลดสัดส่วนลงทุนในตราสารทุนโลกลง แต่เข้าซื้อทองคำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีก่อน ขณะนี้พอร์ตลงทุนมีทองคำราว 6% สร้างผลตอบแทนราว 20% นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยชดเชยการลงทุนในตลาดอื่น ๆ ที่ผลตอบแทนลดลงและบางแผนอาจมีผลขาดทุน โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารทุน หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐ
นายทรงพล กล่าวว่า มุมมองของ กบข.ต่อสภาวะการลงทุนในระยะข้างหน้า จากตลาดหุ้นเทคโนโลยีของจีนสร้างผลตอบแทนสูงสุดตั้งแต่ต้นปีเอาชนะหุ้นเทคฯ สหรัฐ ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยลง 2-3 ครั้งในปีนี้ และความไม่แน่นอนของนโยบายด้านภาษีของทรัมป์สงผลเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กบข.จะยังคงระมัดระวังต่อตลาดหุ้น โดยเพาะตลาดหุ้นสหรัฐจกความไม่แน่นอนของนโบายกีดกันการค้าของทรัปมป์ ประกอบกับ ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ เช่น ดัชนีเความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแสดงสัญญาณอ่อนแอ กบข.จึงปรับลดน้ำนักลงทุนในตราสารทุนโลกพัฒนาแล้ว
นอกจากนี้ ยังมองว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปีของสหรัฐมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 3.8-4.5% แม้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษี แต่เงินเฟ้ออาจปรับสูงขึ้นได้ในช่วงต้นที่มีการปรับขึ้นภาษี กบข.จึงอาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
จากนี้ไป เนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ ยังประเมินได้ยาก แต่ขณะนี้คาดการณ์จาก Base Case Scenario อัตราภาษีของสหรัฐที่เรียกเก็บในช่วง 15-24% กลยุทธ์ของ กบข.จะคงสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง ตราสารหนี้ และสัดส่วนทองคำไว้ในระดับเดิม แต่หากเป็นกรณีเลวร้ายสุดที่สหรัฐทำสงครามการค้าเต็มรูปแบบ กลยุทธ์คือจะลดสินทรัพย์เสี่ยงลง เพิ่มตราสารหนี้ และเพิ่มทองคำ ส่วนกรณีดีสุด สหรัฐใช้มาตรการภาษีชั่วคราว กลยุทธ์คือ เพิ่มสินทรัพย์เสียง คงสัดส่วนทองคำ