ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร ตามกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2568 กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่า การปรับอัตราภาษีน้ำมันครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมัน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอ ครม. เห็นชอบการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร โดยในขณะเดียวกันก็ได้มีการพิจารณาปรับลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการปรับความสมดุลระหว่างการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐและเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม
น.ส.กุลยา กล่าวย้ำว่า กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและเบนซินในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดภาระค่าครองชีพของประชาชนแต่อย่างใด
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ยืนยันว่า การปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งนี้ไม่กระทบต่อราคาน้ำมันใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงกลไกภายในของรัฐบาลในการปรับสมดุลรายรับเท่านั้น เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน การปรับภาษีสรรพสามิตครั้งนี้จะถูกชดเชยโดยการลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราที่เท่ากัน เพราะฉะนั้น "ผลต่อราคาน้ำมันจึงเป็นศูนย์ น้ำมันราคาเท่าเดิม"