นายธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านนโยบายและแผน กล่าวในงานโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ครั้งที่ 3/58 57 ถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปี 68 (ม.ค.-เม.ย.) ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไป -0.2% แบ่งเป็น ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือลดลง -20% โดยเฉพาะจีนที่ลดลงราว 30% ขณะที่ตลาดยุโรปยังคงเติบโต 16% โดยเฉพาะตลาดระยะกลาง-ไกล ยังเติบโตได้ดี
"ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปยังดีอยู่ บวกหมดยกเว้นคาซัคสถาน โดยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุโรปจะเที่ยวแบบ Wellness ไม่เน้นช็อปปิ้ง ต่างจากนักท่องเที่ยวเอเชียที่เน้นกิน เที่ยวแอดเวนเจอร์ และช็อปปิ้ง" นายธีระศิลป์ กล่าว
จากสถิติในปี 67 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากที่สุด รองลงมาคือไปญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด จากปัจจัยเรื่องค่าเงินเยน และเดินทางง่าย ใกล้ รองลงมาคือเดินทางไปเวียดนาม จากปัจจัยกรุ๊ปทัวร์ที่ไหลจากไทยไป ส่วนไทยร่วงลงมาอยู่อันดับ 3 ดังนั้น จะต้องดึงนักท่องเที่ยวกรุ๊ปที่ไหลไปกลับมา
นายธีระศิลป์ กล่าวว่า ภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยของไทย จากทั้งเรื่องเหตุการณ์การลักพาตัวชาวจีน การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ต่างชาติ การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน การก่อวินาศกรรมในสุไหงโกลก และเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทย ส่งผลให้กระทบ Sentiment นักท่องเที่ยวจีนหายไป และลามไปถึงฮ่องกง รวมไปถึงไต้หวัน และเกาหลีด้วย
"นอกจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ก็ยังมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและเกาหลีที่ลดลงด้วย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างมอนิเตอร์ เพราะสองประเทศนี้อยู่ใกล้จีน ซึ่งจีนมีนโยบายเร่งดึงนักท่องเที่ยว ทั้งให้คนจีนเที่ยวในประเทศ และดึงนักท่องเที่ยวอินบาวด์เข้ามาโดยให้การสนับสนุน ซึ่งบริษัททัวร์ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่เป็นลูกค้าของจีนก็เป็นลูกค้ากลุ่มเดียวกับไทย" นายธีระศิลป์ กล่าว
สำหรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวปี 68 ตั้งไว้ 39 ล้านคน ส่วนรายได้ 3.4 ล้านล้านบาท ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการในการปรับเป้าจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ส่วนตัวมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ไม่น่าจะไปถึงเป้า เพราะตลาดใหญ่อย่างจีนลดลงมาก ต่อให้หลังจากนี้กลับมามีอัตราเพิ่มเท่าเดิมเหมือนปีที่แล้ว ในช่วงเดือนที่เหลือ นักท่องเที่ยวก็หายไปอยู่ดี
แม้ในปี 68 นี้จะมีการปรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวลง แต่ยืนยันว่าแนวโน้มรายได้รวมไม่น่าจะลดลงไปมากกว่าปีที่แล้ว สมมติว่าเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจริงเท่ากับปีก่อนที่ 35.5 ล้านคน ก็มั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะได้มากกว่าปีที่แล้วแน่นอน ในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ในปี 67 เดินทางเข้าไทย 6 ล้านกว่าคน ซึ่งปีนี้จะกระตุ้นอย่างไรก็ไม่น่าถึงระดับเดียวกับปีก่อน แต่จะพยายามกระตุ้นให้ได้ 4 กว่าล้านคน โดยเน้นนักท่องเที่ยวแบบมีคุณภาพ อย่างตอนนี้สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยเกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวเอง (Free Individual Traveler: FIT) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากชาวจีนในเมืองใหญ่ แต่รายจ่ายต่อหัวสูงกว่ากลุ่มทัวร์
"สถานการณ์ท่องเที่ยวไม่น่าจะดิ่งไปมากกว่านี้ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับท่องเที่ยวมาก จึงทำให้เกิดโครงการต่าง ๆ ออกมาค่อนข้างเร็ว การอนุมัติงบในส่วนที่ททท. ทำได้เอง ก็จะออกไปก่อนเลย มองว่าทั้งหมดอยู่ที่การแก้ปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ หลายหน่วยงานต้องช่วยกันในเรื่องความปลอดภัย เรื่องการลักพาตัวสร้างผลกระทบเยอะ คอลเซนเตอร์ก็ยังไม่หมดไป ดังนั้น เรื่องการสื่อสารสำคัญ อย่างไรก็ดี ททท. จะดำเนินการแก้ภาพลักษณ์ และดึงตลาดใหม่ที่มีศักยภาพไปพร้อม ๆ กัน" นายธีระศิลป์ กล่าว
นายธีระศิลป์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ยังมีข่าวการตัดไต ขายไตในไทย ข่าวโรงแรมในประเทศไทยมีประตูลับเพื่อทำการลักพาตัว ปรากฏในโซเชียลมีเดียของจีนอยู่ ซึ่งปัญหานี้รุนแรง เพราะคนจีนที่ไม่เคยมาไทย คือ ชาวจีนที่มาจากเมืองเล็ก และส่วนใหญ่จะเดินทางมาเป็นกรุ๊ป ซึ่งเมื่อข่าวสารไปไวและเขารับรู้ข่าวลบ การตัดสินใจเดินทางมาไทยก็จะชะงัก
ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือการปรับภาพลักษณ์ในเมืองรองของจีน คุยกับบริษัททัวร์ในเมืองย่อย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์กลับมา และในระยะยาวอาจต้องมีมาตรการปรับโครงสร้างตลาดจีน เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว
"จะหวังแต่ High Spending ทั้งหมดเลยก็ไม่ได้ เพราะรายได้อาจลงไม่ถึงรากหญ้า ในระยะสั้นนี้จึงต้องมีการจัดการ"
1. รักษาการเติบโตตลาดจีน โดยการแก้ไขภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ฟื้นฟูความเชื่อมั่น
2. จัดหาตลาดทดแทน (Relocation) โดยเน้นเพิ่มจำนวน Quality Leisure, Family และ Incentive ในตลาดระยะใกล้ 9 ตลาด และระยะไกล 15 ตลาด
"ตลาดอาเซียนบางประเทศ และตลาดตะวันออกกลาง จะเข้ามาทดแทนตลาดจีนที่ตกไป และจะมีการเพิ่มสัดส่วนตลาดยุโรปบ้างเล็กน้อย เพราะยังติดข้อจำกัดเรื่องเที่ยวบิน" นายธีระศิลป์ กล่าว
3. ขยายตลาดกลุ่ม High Value มุ่งเน้นกลุ่ม Health and Wellness, Yacht, Sport และ Digital Nomad
4. สื่อสาร 360 องศา ผ่านช่องทาง Online และ Offline พร้อมจัด Events ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยจัดกิจกรรมเทศกาล ดนตรี กีฬา และวัฒนธรรมตลอดทั้งปี
- เน้นกระจายรายได้สู่เมืองรอง ส่งเสริมการเดินทางวันธรรมดา เพื่อลดความแออัด และสื่อสารภาพลักษณ์ "สุขทันทีที่เที่ยวไทย"
"ททท. จะเน้นโฟกัสตลาดต่างประเทศเพราะนักท่องเที่ยวลดลง ส่วนไทยเที่ยวไทยยังไม่ค่อยมีปัญหา แม้หลังโควิด-19 เศรษฐกิจอาจไม่ดี แต่ยังไงคนไทยก็ยังออกมาเที่ยว แต่ในส่วนของรายจ่ายต่อหัวจะลดลง เพราะคนมีความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนโครงการกระตุ้นในประเทศ อย่างเที่ยวไทยคนละครึ่ง ความชัดเจนน่าจะออกมาในเดือนมิ.ย. 68 เน้นกระตุ้นท่องเที่ยววันธรรมดา ช่วงของการดำเนินการอาจอยู่ช่วงเดือนมิ.ย.-ต.ค. งบประมาณน่าจะอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท กำหนดสิทธิ์ประมาณ 600,000 สิทธิ" นายธีระศิลป์ กล่าว