ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.82/87 แกว่งแคบจากช่วงเช้า จับตาประชุม BoE-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 8, 2025 18:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.82/87 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าอยู่ที่ระดับ 32.83 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.62-32.92 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า ตามดอลลาร์ที่แข็งค่าจากปัจจัยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คง ดอกเบี้ยเมื่อคืนนี้ พร้อมระบุว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ ขณะ เดียวกัน สัปดาห์นี้ตลาดรอติดตามความคืบหน้าของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้ คือธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐฯ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.60 - 33.00 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 144.80 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 143.71 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1291 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1316 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,206.59 จุด ลดลง 13.68 จุด (-1.12%) มูลค่าซื้อขาย 42,698.89 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,012.34 ล้านบาท
  • ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ผลสำรวจในเดือนเม.ย. 68 พบว่า ดัชนีใน
อีก 3 เดือนข้างหน้ายังคงอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" ที่ระดับ 64.10 นักลงทุนมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุน
ความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด
ได้แก่ สงครามการค้า รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ
  • ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 จะขยายตัวได้
2-2.5% และไตรมาส 2 จะขยายตัวใกล้เคียง 2% และคาดหวังว่าในช่วงไตรมาส 3-4 นี้ รัฐบาลจะมีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
ส่วนทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจไทย จะเติบโตได้ราว 2% +/-
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-4 พ.ค. 68 มีนักท่อง
เที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสะสมแล้ว 12,458,464 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ
592,449 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด อันดับ 1 มาจากจีน 1,705,635 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 1,576,905 คน
  • ttb analytics มองนโยบายภาษีของทรัมป์ในปัจจุบัน (Trump 2.0) เร่งให้พลวัตการค้าโลกย้อนกลับไปสู่ "ยุคของ
การกีดกันทางการค้า" เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ส่งผลกระทบต่อไทย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจแบบระบบเปิดขนาดเล็ก โดยผลจากการ
ปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ภาคส่งออกไทยมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว
  • YLG ชี้ ราคาทองคำระยะสั้นผันผวนค่อนข้างสูง แต่เชื่อราคาลงไม่ลึก ฟื้นตัวหลังพักฐานที่โซน 3,200 ดอลลาร์/ออนซ์ ขึ้น
ทำระดับสูงสุดสัปดาห์นี้ 3,438 ดอลลาร์/ออนซ์ ใกล้กับเป้าหมายแรก และเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ล่า
สุด วันนี้ถูกขายทำกำไรหลังเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า มีสัญญาณคืบหน้า
  • PIMCO หนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนตราสารหนี้ชั้นนำของโลก ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่
ภาวะถดถอยนั้นอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ PIMCO ยังได้ส่งสัญญาณเตือนว่า นักลงทุนอาจกำลังประเมินความมุ่ง
มั่นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จะนำมาตรการกำแพงภาษีในอัตราสูงกลับมาใช้อีกครั้งต่ำเกินไป ซึ่งมาตรการดังกล่าว
เป็นปัจจัยที่สร้างความปั่นป่วนอย่างหนักให้กับตลาดการเงินเมื่อเดือนก่อน
  • สื่อหลายสำนักรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะประกาศข้อตกลงการค้ากับสหราช
อาณาจักร ในการแถลงข่าวช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) ตามเวลากรุงวอชิงตัน หลังจากที่ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความว่า เขาเตรียมจัด
แถลงข่าวร่วมกับผู้แทนของ "ประเทศใหญ่ประเทศหนึ่ง" แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นประเทศใด
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ชี้ว่า จีนเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองชาติ ไม่ใช่สหรัฐฯ
อย่างที่จีนกล่าวอ้าง และย้ำว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมลดภาษีสินค้าจีนเพื่อดึงจีนกลับสู่โต๊ะเจรจา
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค. โดยระบุว่า กรรมการคนหนึ่งของ BOJ

เตือนว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็น

เหตุผลที่ทำให้คณะกรรมการ BOJ ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 มี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ