
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงความคืบหน้าการเจรจานโยบายภาษีสหรัฐฯ ว่า รัฐบาลได้ส่งข้อเสนอ 5 เรื่องไปให้ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) แล้วเพื่อความร่วมมือนำไปสู่การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ
- ด้านอุตสาหกรรมแปรรูป และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ดาต้า เซ็นเตอร์ เอไอ และการพิจารณาลดอุปสรรคการค้าทั้งด้านภาษี (Tariff) และที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff)
- เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในด้านพลังงาน เกษตร เครื่องบินและส่วนประกอบ อุปกรณ์บริการ โดยปลัดกระทรวงพลังงานพร้อมด้วยผู้บริหารบมจ.ปตท. (PTT) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ได้เดินทางไปรัฐอะแลสกา เพื่อหารือกับผู้ว่าการรัฐอะแลสกา รวมถึงบริษัทด้านพลังงานของสหรัฐฯ เพื่อหาโอกาสและเพิ่มความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทย-สหรัฐฯ
- การเปิดตลาดสินค้าเกษตร เช่น ผลไม้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
- การบังคับใช้กฎหมายป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าอย่างเคร่งครัด ผ่านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งไทยได้ดำเนินการไปแล้ว และสร้างความพอใจระดับหนึ่งให้กับกรมศุลกากรของสหรัฐ
- ส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐมากขึ้น ซึ่งประธานผู้แทนการค้าไทย พร้อมด้วยประธานหอการค้าไทยและภาคเอกชนอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐเพื่อดูลู่ทางเรื่องนี้
นายพิชัย กล่าวว่า รมว.คลังสหรัฐ ได้แสดงท่าทีเป็นบวกต่อข้อเสนอของรัฐบาลไทย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีจากระดับนโยบายจากสหรัฐฯ
นายพิชัย ระบุว่า ขณะนี้ทางสหรัฐฯ จะมีการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ก่อน เพราะประเทศใหญ่ ๆ จะมีสินค้าหลายประเภท แต่ในส่วนของไทยที่มีประเด็นกันอยู่มีน้อยมาก ตอนนี้ระดับเจ้าหน้าที่ก็คุยอยู่แล้ว ก็คงต้องรอทางสหรัฐฯ จัดคิวให้พูดคุย ซึ่งหวังว่าจะได้พูดคุยในเร็ววัน
"ข้อเสนอของเราเป็นข้อเสนอที่เราจะปรับปรุงตัวเอง เป็น win-win โซลูชั่น 2 ฝั่งได้ประโยชน์...หวังว่าจะจัดคิวในเร็ววัน เพราะผ่านมา 1-2 เดือนแล้ว" นายพิชัย ระบุ
นายพิชัย กล่าวถึงสิ่งที่ไทยจะเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ ว่า จะเน้นเรื่องซัพพลายเชนของรถยนต์ และหากมีส่วนไหนที่เป็นสินค้าที่ไทยจะนำเข้าก็จะหาช่องทางไปร่วมลงทุนด้วย
ส่วนกรณีภาษีจีนลดลงมาอยู่ที่ 30% แต่ไทยยังอยู่ที่ 36% มีความกังวลหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตัวเลขที่ออกมาเป็นเพียงการสะท้อนว่าประเทศเหล่านั้นได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ แต่สิ่งที่ไทยกำลังทำอยู่จะพยายามลดสัดส่วนการขาดดุล และเป็นประโยชน์กับ 2 ฝ่าย ซึ่งคิดว่าตัวเลขของไทยไม่น่าจะสูงขนาดนี้ และคาดหวังว่าจะอยู่ที่ 10%
ทั้งนี้ หลายคนมองว่าการเจรจาของไทยล่าช้าเกินไปหรือไม่นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ไทยไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทียร์ 1 และอยากฟังว่าสหรัฐฯ คุยกับประเทศใหญ่ ๆ มีเรื่องอะไรบ้าง
"ถ้าพูดตามตรง เวลาเขาไม่คุย เราอาจรู้สึกว่า ทำไมไม่คุยสักที แต่ถ้ามองไปแล้วขอให้คุยให้ทันและให้รู้ว่า คุยกับคนอื่นอะไรบ้าง การคุยในจังหวะเวลาที่เหมาะสมน่าจะดีที่สุด ถามผมว่า ช้าไปหรือไม่ คิดว่า ไม่ช้า เพราะคิดว่าคงจบไล่ ๆ กัน เพราะผมมองทางโน้นทุกอย่างคงจบในเวลาไล่เลี่ยกัน" นายพิชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 พ.ค.) มีมติให้รักษาราชการแทน รมว.ต่างประเทศ มีผลต่อการเจรจาหรือไม่ นายพิชัย ยืนยันว่า ไม่เกี่ยว เพราะโดยปกติเมื่อรัฐมนตรีไม่อยู่ก็ต้องมีคนรักษาราชการอยู่แล้ว และคงไม่เกี่ยวข้องกับที่สหรัฐฯ ระงับวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องกับการส่งกลับชาวอุยกูร์