บริษัท ฉางอาน ออโต้โมบิล เตรียมเปิดโรงงานและสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง โดยตั้งเป้าที่จะใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนในประเทศ 65% ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 80% ในปี 2571 อีกทั้งมีแผนถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย รวมถึงเพิ่มการจ้างงานบุคลากรคนไทย จากปัจจุบันมีจำนวน 600 คน เป็น 2,000 คน ในปี 2569 หรือ 90% ของการจ้างงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบพวงมาลัยขวาแห่งแรกนอกประเทศจีน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า นายจู ฮวาหลง ประธานบริษัท ฉางอานฯ ได้เข้าได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณที่เชื่อมั่นในประเทศไทยและสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก
พร้อมกันนี้ได้มีการหารือถึงแผนการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคโดยย้ายจากนครฉงชิ่งมายังประเทศไทย เพื่อดูแลกิจการของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อช่วยยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
สำหรับฉางอาน ออโต้โมบิล ถือเป็น 1 ใน 4 กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เข้ามาจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566 และตัดสินใจเลือกไทยเป็นที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศจีน สำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบบพวงมาลัยขวาเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังภูมิภาคต่าง ๆ โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ มีเงินลงทุนในเฟสแรกมากกว่า 10,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี และคาดว่าจะสามารถเพิ่มเป็น 200,000 คันต่อปีได้ในอนาคต และสำนักงานใหญ่ในประเทศจีนยังได้อนุมัติให้จัดตั้ง "Technology and Engineering Center" ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวาในภูมิภาค
"การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทยของฉางอานในครั้งนี้มีแผนคัดเลือกบุคลากรไทยเข้าร่วมทีม โดยบีโอไอพร้อมเป็นตัวกลางในการประสานกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนบุคลากรทักษะสูงให้มีโอกาสร่วมงานในศูนย์วิจัยดังกล่าว รวมทั้งดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยให้เข้ามามีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรไทยและผู้ประกอบการไทย รองรับการเป็นฐานผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในอนาคต" นายนฤตม์ กล่าว