มาตรการภาษี "ทรัมป์"-แผ่นดินไหว ฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เม.ย. ปรับลงต่อเนื่องต่ำสุดรอบ 6 เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 19, 2025 10:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มาตรการภาษี

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.68 อยู่ที่ระดับ 89.9 ปรับตัวลดลงจาก 91.8 ในเดือน มี.ค.68 ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงเช่นกันอยู่ที่ระดับ 93.3 จาก 95.7 ค่าดัชนีฯ ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ในระดับที่ไม่ดี

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนเม.ย.ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน


*ปัจจัยลบ

- การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้จำนวนวันทำงานลดลง

- มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ กระทบการส่งออก เช่น อัตราภาษีนำเข้าเฉพาะกลุ่มสินค้า (Sectoral Tariff) 25% ในกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนและอะไหล่ยนต์, เหล็กและอะลูมิเนียม และการตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุน (AD/CVD) ในสินค้าแผงโซลาร์เซลล์ 375% (เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 68)

- เหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์แนวดิ่ง และกระทบต่อความเชื่อมั่นใภาคอสังหาริมทรัพย์

- สินค้านำเข้าจากจีนและปัญหาการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สะท้อนจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เพิ่มขึ้นคิดเป็น 20.07%YOY (ณ ช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 68) กระทบภาคการผลิตในประเทศ

- การส่งออกรถยนต์มีแนวโน้มลดลง โดยในเดือนมี.ค.68 การส่งออกลดลง 9.36%YOY จากมาตรการขึ้นภาษีรถยนต์


*ปัจจัยบวก

- การชะลอการบังคับใช้ Reciprocal Tariff ออกไป 90 วัน (สิ้นสุดช่วงต้นเดือนก.ค. 68) โดยยังคงจัดเก็บภาษีนำเข้า Baseline Tariff 10% กับทุกประเทศ ส่งผลให้เกิดการเร่งนำเข้าสินค้าบางประเภทจากลหรัฐฯ เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

ขณะนี้สถานการณ์การเจรจาต่อรองมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ถือว่าคลี่คลายไปในทางที่ดี หลังจากที่ประกาศจะเรียกเก็บจากไทยในอัตรา 36% แล้วมีการผ่อนคลายต่อเนื่องมาอยู่ที่ 10-30% ส่วนข้อสรุปจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับทีมเจรจาว่าจะสามารถต่อรองให้อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าประเทศคู่แข่งหรือไม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยในส่วนของ ส.อ.ท.ได้มีการเรียกประชุมประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อทำงานคู่ขนานไปกับทีมเจรจาของรัฐบาล

"สิ่งที่ รมว.คลังสหรัฐฯ พูดถึงเรา แม้จะเป็นเพียงข้อความสั้น ๆ แต่ก็มีความหมายที่ดีว่าเรามาถูกทางแล้ว" นายอภิชิต กล่าว

- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น จากการจัดกิจกรรม Maha Songkran World WaterFestival 2025 โดยในช่วงวันที่ 6-12 เม.ย. 68 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 666,180 คน เพิ่มขึ้น 10.73% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ช่วยหนุนการจับจ่ายใช้สอยและรายได้ท่องเที่ยวในประเทศ

- มาตรการเยียวยาแผ่นดินไหว (วงเงินไม่เกิน 49,500 บาทต่อหลัง) และลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองเหลือ 0.01% (เริ่มวันที่ 22 เม.ย. 58) ส่งผลต่อคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้างจากการใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง


*คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า

- ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง และนักลงทุนอาจชะลอการลงทุนโดยเฉพาะในภาคการผลิตอุตสาหกรรม

- ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว สะทอ้นจากตัวเลข GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1 อยู่ที่ -0.3%

- สภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลกระทบต่อปัญหาอุทกภัยในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้

- การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.75% ช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการและเพิ่มกระแสเงินสดให้กับธุรกิจ


*ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

1. เสนอให้ภาครัฐเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าจากต่างประเทศที่เข้ามาสวมสิทธิ์ใช้ประเทศไทยในการส่งออก เช่น การออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (C/O) การตรวจสอบกระบวนการผลิตและการนำเข้า/ ส่งออกสินค้าสำเร็จรูปในพิกัดศุลกากรเดียวกัน และติดตามพฤติกรรมการค้าของผู้ประกอบการที่มีการส่งออกไปสหรัฐฯ

2. เสนอให้ภาครัฐจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาด้านการตลาดและการส่งออกครบวงจรในระดับภูมิภาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในการเข้าถึงตลาด รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local content)

3. สนับสนุนภาครัฐในการเจรจาความร่วมมือความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) แผนเพื่อเปิดตลาดสินค้า การค้าและการลงทุนในระดับสูง เช่น ไทย-สหภาพยุโรป (EU), ไทย-เกาหลี (KTEPA), ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (CEPA) และอาเซียน-แคนาดา (ACAFTA)


*แนะภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดัน GDP โต

จากกรณีที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ปรับลดเป้า GDP ปีนี้เหลือโต 1.3-2.3% นั้น ภาครัฐคงต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นในส่วนของการสร้างงานและบรรเทาผลกระทบให้กับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยอยากฝากให้คำนึงถึงเรื่องการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand) แทนการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ถึงจะมีราคาถูกกว่าก็ตาม

ส่วนการดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 นั้น หากรัฐบาลประเมินผลการดำเนินการที่ผ่านมาแล้วเห็นว่าไม่คุ้มค่าก็ควรที่จะมีการปรับเปลี่ยนไปดำเนินการในแนวทางที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อหารายได้ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ