ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.19 แนวโน้มแกว่ง sideways ในกรอบ 33.00-33.30 รอปัจจัยใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 20, 2025 08:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.19 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดวันก่อนที่ระดับ 33.05 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลง ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัว ลงบ้างของราคาทองคำ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยคลายกังวลประเด็นสหรัฐฯ ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้า หน้าที่เฟดต่างก็ย้ำจุดยืนสนับสนุนท่าทีไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย

วันนี้ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฟฐ (เฟด) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุดตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปี 2025 และอาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง ในปี 2026

นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงพัฒนาการของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดย เฉพาะความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อย่าง ไรก็ดี แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.30 บาท/ดอลลาร์

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.18500 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 144.88 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 144.85/86 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1245 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1270/1272 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.186 บาท/ดอลลาร์
  • บอร์ดบีโอไออนุมัติมาตรการชุดใหญ่ เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย รับมือการค้าโลกยุคใหม่ ยกระดับขีดความสามารถใน
การแข่งขันท่ามกลางความผันผวน มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
  • "ธนาคารกรุงศรีอยุธยา" ชี้ "เศรษฐกิจโลก-ไทย" ชะลอตัว จากผลกระทบ "สงครามการค้า" และ "ปัญหาทางการ
เมืองในประเทศ" ส่งผล "ธุรกิจรายใหญ่" ชะลอการลงทุน เลื่อนขอสินเชื่อแบงก์ ชี้ "แบงก์ชาติ" สั่งแบงก์ทำแบบทดสอบภาวะวิกฤติ หวั่น
กระทบลูกค้า
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี ลง 0.10% สู่ระดับ 3.0%
จากระดับ 3.1% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ลง 0.10% สู่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.6% ในวันนี้ (20 พ.ค.)
ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนหรือนับตั้งแต่ธนาคารกลางได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง
0.25% ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์ตึงเครียดด้านการ
ค้าได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตาระบุว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปี
นี้ เนื่องจากเฟดต้องรักษาสมดุลระหว่างแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อเงินเฟ้อ และความวิตกเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ ในการ
คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมเดือนมี.ค. เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ
0.25% รวม 0.50% ในปีนี้
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์
(19 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากข่าวมูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า
ระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (19 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจาก
การที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ
  • นักลงทุนจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า โดยล่าสุดสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรี

คลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่เขาประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ต่อประเทศคู่ค้าที่

ไม่เจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ อย่าง "สุจริตใจ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ