น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง จากนโยบายการค้าและเศรษฐกิจ ธปท.ได้สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIBs) ทำแบบประเมินผลกระทบ (Stress Test) โดยกำหนดสมมติฐาน เพื่อดูผลกระทบพอร์ตลูกค้าที่มีการเกี่ยวเนื่องกับภาคการส่งออก และสินค้านำเข้าที่มีการทะลักเข้ามา รวมถึงผลกระทบต่อพนักงานและการจ้างงานด้วย ทั้งในส่วนของพอร์ตสินเชื่อรายย่อย ธุรกิจ SMEs และธุรกิจรายใหญ่ เนื่องจาก ธปท.มีความเป็นห่วงว่าธุรกิจ SMEs จะได้รับผลกระทบ
"เรามีการพูดคุยกับสถาบันการเงิน และมีการทำ Stress Test ทุกปี โดยเราจะกำหนดสมมติฐานให้ธนาคาร ซึ่งจะมีก่อนที่ Tariffs จะมีผลชัด และได้กำหนดหลังจากที่มี Tariffs คาดว่าจะได้เห็นผลการทดสอบภายในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการทดสอบดังกล่าว เราไม่ได้ดูความแข็งแกร่งของสถาบันการเงินอย่างเดียว เพราะเรารู้ว่าสถาบันการเงินมีความแข็งแกร่ง และมี Buffer คอยรองรับ แต่เราอยากรู้ว่า จะมีผลกระทบกับลูกค้าในพอร์ตอย่างไร เพื่อให้ ธปท.จะได้มีมาตรการเข้าไปดูแลช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ โดยเรากังวลในกลุ่ม SMEs ซึ่งปัจจุบัน โดยเฉลี่ยบางธนาคารก็มีพอร์ตประมาณ 30% ขึ้นอยู่กับแต่ละแห่ง" น.ส.สุวรรณี ระบุ
ส่วนกรณีที่ รมว.คลัง เสนอแนวทางให้ธนาคารพาณิชย์หั่นผลกำไร เพื่อมาช่วยเหลือลูกค้านั้น มองว่า ธนาคารก็ช่วยนำกำไรส่วนหนึ่ง 50% มาช่วยเหลือในโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" แล้ว ส่วนจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมอาจจะต้องรอดู แต่หากดูโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ที่ออกมา และกำลังมีการพูดคุยระหว่างกระทรวงการคลัง ธปท. สมาคมธนาคารไทย (TBA) และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) เพื่อขยายเกณฑ์และขอบเขตของลูกหนี้ แต่ยังคงตัดวันเป็นหนี้เสีย ณ วันที่ 31 ต.ค.67
ทั้งนี้ คาดว่าความชัดเจนของมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" จะประกาศได้ภายในไม่เกินสิ้นมิ.ย.68 นี้
ล่าสุด โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" มีผู้ที่ลงทะเบียนและผ่านคุณสมบัติ 1.3 ล้านคน หรือราว 1.7 ล้านบัญชี โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย.68 มีลูกหนี้ 5.8 แสนล้านราย คิดเป็น 30% ของเป้าหมาย และยอดหนี้ 4.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าหมาย