
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยอมรับว่าช่วงนี้เงินบาทปรับแข็งค่ามากขึ้น ซึ่งคงไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าจะแข็งค่าไปอีกนานแค่ไหน หรือจะกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงไหน โดยทิศทางของค่าเงิน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกว่าจะมีการตกลงกันอย่างไร และความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์สหรัฐว่าจะกลับมาได้มากขนาดไหน
"เรื่องเงินบาทแข็งค่า ต้องเข้าใจว่าขณะนี้เงินกำลังหาที่ไป บางส่วนก็ไปทอง ประเทศเราเป็นประเทศที่มีเงินสำรองค่อนข้างแข็งแรง ดังนั้นเงินจึงไหลเข้ามาก่อน คนก็อาจจะวิเคราะห์ได้ว่าเงินบาทอาจจะแข็งถาวร หรือแข็งชั่วคราว เราก็ต้องตามไป แน่นอนว่าช่วงที่ไหลเข้ามาเร็ว ๆ มันก็จะแข็งค่าก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุ
พร้อมยืนยันว่า ประเทศไทยยังยึดหลักไม่เข้าไปแทรกแซงค่าเงิน โดยมองว่า หากจะทำ ก็อยู่ที่นโยบายการเงินมากกว่าที่จะต้องไปคิดใน 2-3 เรื่อง ว่าจะทำอย่างไรให้ค่าเงินบาทไม่เสียเปรียบประเทศอื่น
ส่วนการส่งออกของไทยที่แม้จะขยายตัวได้ แต่ก็เป็นอัตราที่ชะลอลงนั้น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับแค่ประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งหากการเจรจาการค้าโลกยังไม่จบลง ก็เชื่อว่าการส่งออกจะชะลอกันทั่วโลก แต่ในส่วนของไทยนั้น ภาพรวมการส่งออกจนถึงเดือน เม.ย.68 ยังขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ รายงานมูลค่าการส่งออกของไทยเดือนเม.ย.68 ขยายตัวได้ 10.2% โดยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และเป็นการขยายตัวในระดับ 2 หลัก ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยเดือนม.ค.68 การส่งออกขยายตัว 13.6% ก.พ.68 ขยายตัว 14% และมี.ค.ขยายตัว 17.8%