นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังเป็นประธาน ที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ กรมฯ เตรียมเสนอให้พิจารณามาตรการและโครงการข้าวเปลือกนาปี ฤดูการผลิตปี 68/69 ที่คาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดตั้งแต่ราวเดือนก.ย. 68 เป็นต้นไป และจะออกมากในช่วงเดือนพ.ย. 68 โดยมีทั้งหมด 4 มาตรการ/โครงการ ได้แก่
1. สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉาง รอการขายในช่วงที่ผลผลิตออกน้อย จะได้ขายได้ราคาสูง
2. มาตรการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าว และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3. ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก เพื่อรอการขาย
4. จัดตลาดนัดข้าวเปลือก
รวมถึงจะเสนอให้พิจารณามาตรการลดต้นทุนให้เกษตรกร เช่น ปุ๋ยราคาถูก เป็นต้น ทั้งนี้ หาก นบข.เห็นชอบ ก็จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 68 ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จากปัญหาราคาข้าวเปลือกนาปรังตกต่ำนั้น ที่ประชุมนบข. ล่าสุดได้มีมติให้คณะอนุกรรมการนบข. ด้านการผลิต ที่มีรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พิจารณาหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ ภายหลังจากที่กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดให้ลงทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 68 เสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 68
"กระทรวงเกษตรฯ อยู่ระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขโครงการ รวมถึงงบประมาณที่จะนำมาใช้ จากนั้นจะเสนอให้นบข. เห็นชอบ และเสนอครม. ต่อไป ซึ่งได้เร่งรัดให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อให้ทันการประชุม นบข.ที่กำลังจะถึงนี้ ส่วนจะใช้งบประมาณเท่าไร อยู่ที่จำนวนเกษตรกรที่ลงทะเบียน โดยล่าสุด ณ วันที่ 23 พ.ค. 68 มีเกษตรกรลงทะเบียนแล้ว 842,810 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ 11.74 ล้านไร่ และคิดเป็นปริมาณผลผลิต 7.68 ล้านตันข้าวเปลือก" นายวิทยากร กล่าว
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงราคาข้าวเปลือกในประเทศว่า ล่าสุด ราคาข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 7,800 บาท ทรงตัวจากเดือนก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่า จะมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 68 ขึ้นทะเบียนประมาณ 4 แสนครัวเรือน ใกล้เคียงกับปี 67 และเมื่อเดือนก.พ. 68 นบข. ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ช่วยเหลือประมาณ 2,867 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณ 4,000 ล้านบาทที่เหลือจากโครงการการช่วยเหลือข้าวนาปีปี 67/68 แต่ปรากฏว่า ภายหลังจากลงทะเบียนเกษตรกรเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 68 มีเกษตรกรลงทะเบียนสูงถึงกว่า 840,000 ครัวเรือน ดังนั้น จึงต้องใช้งบประมาณมากขึ้น และต้องขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม