นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.62 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.69 บาท/ดอลลาร์
ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-32.78 บาท/ดอลลาร์ ภาพรวมตลอดทั้งวันนี้ยังเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทาง โดยช่วงเช้าอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือนพ.ค. ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ ระหว่างวัน ดอลลาร์สหรัฐย่อตัวลง หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อ
สำหรับคืนนี้ ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ตลาดรอดูรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการ เงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในรอบการประชุมเมื่อวันที่ 6-7 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งติดตามถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด สาขา ต่าง ๆ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.85 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 144.11 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 144.48 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1340 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1326 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,160.74 จุด ลดลง 2.68 จุด (-0.23%) มูลค่าการซื้อขาย 36,281.33 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 354.90 ลบ.(SET+MAI)
- น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ต่อที่ประชุม
- สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (INSEE) เปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568
- ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างแข็งแกร่งของ ADB ในการส่งเสริมความร่วมมือ และ
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษในปี 2568 เป็น
- มูดี้ส์ (Moody's) ปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกง ขึ้นเป็น "มีเสถียรภาพ" จาก "เชิงลบ" โดยระบุว่า
- ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.25% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตรา
- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคาร
กลางสหรัฐฯ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 6-7 พ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาย
ในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนเม.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่าย
เพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.