นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังร่วมประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 2/2568 ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของทุกกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในการบูรณาการร่วมกันเกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์ ความปลอดภัย ความสะอาด ความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น นายกรัฐมนตรีจึงมอบนโยบายหลายด้าน ทั้งการทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงความปลอดภัย และมีงบที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท มาช่วยสร้างความเชื่อมั่น
รมว.ท่องเที่ยวฯ ยอมรับว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่รายได้เข้าประเทศยังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากตลาดทางไกล ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามงานของเมืองหลัก และเมืองรอง ที่ของบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ขอไปทั้งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง หรือการนำตลาดจีนกลับมาพร้อมกับตลาดที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในเร็ว ๆ นี้ ในเรื่องงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทำแพลตฟอร์มที่จะให้ผู้ประกอบการ และคนไทยทุกคนที่สนใจ ได้ลงทะเบียนควบคู่กันไป คาดว่าน่าจะใช้ได้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ 2-3 ประเด็น โดยในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ไป นักท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเดินทางไปจุดใดของประเทศไทยต้องมีความปลอดภัย ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของความสะอาด ทั้งสุขา ที่จอดรถ การอำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยใหม่ใหม่สมัยใหม่ เช่น ระบบ AI ซึ่งตำรวจท่องเที่ยว หรือตำรวจท้องที่ และหน่วยงานอื่น ๆ จะประสานบูรณาการกัน เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวในทุกจุด จะต้องดูแลเรื่องความสะอาด เพราะได้รับการร้องเรียนมาว่า มีหลายจุดไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง เนื่องจากคนไปเที่ยวมีหลากหลายวัย
"นายกรัฐมนตรี กำชับว่าแม้นักท่องเที่ยวจะลดลง แต่รายได้ยังสูงขึ้น ดังนั้นครึ่งปีหลัง จะต้องมีกิจกรรมที่หลากหลาย" โฆษกรัฐบาล ระบุ