
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์การสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย.68 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการผลิตภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และการลงทุนภาคเอกชน การผลิตภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นในหลายหมวด โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง สอดคล้องกับยอดขายในประเทศที่ปรับดีขึ้น ขณะที่การผลิตในบางหมวด เพิ่มขึ้นจากการสะสมสินค้าคงคลัง หลังเร่งส่งออกไปในเดือนก่อน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับดีขึ้นบ้างหลังจากชะลอมากในช่วงก่อนหน้า แต่ก็ยังหดตัวจากปีก่อน
ส่วนนโยบายการค้าสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจชัดเจนนัก โดยการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัว การส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ชะลอลงบ้างแต่ยังอยู่ในระดับสูง
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในเดือนเม.ย.68 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเล็กน้อย ตามหมวดพลังงานเป็นสำคัญ จากราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และมาตรการลดราคาพลังงานของภาครัฐ ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป และราคาเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลจากดุลการค้าเป็นสำคัญ ด้านตลาดแรงงานโดยรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน
- การบริโภคภาคเอกชน
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนลดลงจากเดือนก่อน จากหมวดบริการที่ลดลง คือ หมวดโรงแรม และภัตตาคาร ตามการใช้จ่ายของคนไทยในประเทศ และคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี หมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่วนหนึ่งจากการส่งมอบรถยนต์ที่สั่งจองในงาน Motor Show ส่วนหมวดสินค้าไม่คงทน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่ม หมวดสินค้ากึ่งคงทน เพิ่มขึ้นตามปริมาณการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง
- การลงทุนภาคเอกชน
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดยานพาหนะ โดยหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนในหมวดคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้สำนักงาน และหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับหมวดยานพาหนะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง และการลงทุนในเครื่องบิน เรือ และหัวรถจักร ด้านหมวดก่อสร้างทรงตัว โดยหมวดที่อยู่อาศัยปรับดีขึ้น ขณะที่หมวดที่มิใช่ที่อยู่อาศัย ลดลงตามการก่อสร้างโรงแรมเป็นสำคัญ
- จำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
จำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในหลายสัญชาติ โดยเฉพาะมาเลเซีย และตะวันออกกลาง หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีน หลังจากลดลงไปมากในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับนักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์
สำหรับรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวระยะไกล (long-haul) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีการใช้จ่ายสูงในบางสัญชาติ อาทิ กลุ่มตะวันออกกลางและยุโรป
มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำ ลดลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออก (1) สินค้าเกษตร ตามการส่งออกยางธรรมชาติไปจีนที่ชะลอลง หลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า และการส่งออกทุเรียนไปจีน (2) ยานยนต์ ตามการส่งออกรถกระบะไปออสเตรเลียและอาเซียน ชิ้นส่วนยานยนต์ไปสหรัฐฯ และรถยนต์นั่งไปตะวันออกกลางและอาเซียน และ (3) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการส่งออกอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมไปสหรัฐฯ หลังเร่งส่งออกไปในเดือนก่อน อย่างไรก็ดี การส่งออกในบางหมวดปรับเพิ่มขึ้น อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูป ตามการส่งออกน้ำตาลไปอินโดนีเซีย และน้ำมันปาล์มไปอินเดีย
- การนำเข้าสินค้า
การนำเข้าสินค้า มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดสินค้าทุน ไม่รวมเครื่องบิน ตามการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ รวมถึงหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ไม่รวมเชื้อเพลิง ตามการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สอดคล้องกับการผลิตและการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม หมวดเชื้อเพลิงปรับลดลง ตามปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นสำคัญ และหมวดสินค้าอุปโภคและบริโภคลดลงตามสินค้าคงทน โดยเฉพาะการนำเข้าอัญมณีจากอาเซียน หลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า
- การผลิตภาคอุตสาหกรรม
ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกกลุ่มที่แบ่งตามสัดส่วนส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกในสัดส่วน 30-60% เพิ่มขึ้นจากหมวดยานยนต์ ตามการผลิตรถยนต์นั่งเป็นสำคัญ สอดคล้องกับยอดขายในประเทศที่ปรับดีขึ้น สำหรับกลุ่มผลิตเพื่อส่งออกน้อยกว่า 30% ปรับดีขึ้นจากหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ตามการผลิตน้ำมันปาล์ม จากผลผลิตปาล์มน้ำมัน และอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารสัตว์ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น
ด้านกลุ่มผลิตเพื่อส่งออกมากกว่า 60% เพิ่มขึ้นจากการผลิตเครื่องปรับอากาศเพื่อเติมสินค้าคงคลัง หลังเร่งส่งออกไปในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การผลิตในบางหมวดปรับลดลง อาทิ หมวดแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน หลังจากที่เร่งผลิตไปในช่วงก่อนหน้า
- ภาคบริการ
เครื่องชี้ภาคบริการที่ไม่รวมการซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากภาคการค้าและการขนส่งสินค้า ตามยอดขายรถยนต์ และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริการในธุรกิจโรงแรม และภัตตาคารลดลง ตามการใช้จ่ายของคนไทยที่ลดลง
- รายได้เกษตรกร
รายได้เกษตรกรหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากด้านราคาเป็นสำคัญ เป็นผลจากอุปทานไทยและโลกที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่หดตัว ได้แก่ (1) ข้าวขาว ตามอุปทานข้าวทั้งของไทยและของโลกที่เพิ่มขึ้นตามการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย (2) ทุเรียน ตามการส่งออกที่ลดลงจากความล่าช้าในการตรวจสอบสารตกค้างของตลาดส่งออกหลัก (3) ยางพารา และอ้อย จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น และ (4) มันสำปะหลัง ตามความต้องการมันเส้นจากจีนที่ลดลง
- การใช้จ่ายภาครัฐ
การใช้จ่ายภาครัฐ การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน ขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง โดยรายจ่ายประจำ ขยายตัวตามการเบิกจ่ายเงินบำนาญ ค่าตอบแทนบุคลากร และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ สำหรับรายจ่ายลงทุน ขยายตัวตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านสาธารณูปโภค และคมนาคม ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ หดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อน ที่มีการลงทุนในโครงการด้านสาธารณูปโภค
- ภาวะการเงิน
- การระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมปรับลดลง จากการระดมทุนผ่านสินเชื่อสุทธิที่ลดลงในเกือบทุกสาขาธุรกิจ โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง ภาคการผลิต เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และยานยนต์ รวมถึงธุรกิจสาธารณูปโภค ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากภาคก่อสร้าง และภาคบริการ โดยส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมเพื่อการต่ออายุ (rollover) หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และระดมทุนเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจการเงิน สำหรับต้นทุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ในเดือนเม.ย. - 26 พ.ค.68 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้น และระยะยาว เฉลี่ยปรับลดลงตามการคาดการณ์นโยบายการเงินของไทยเป็นสำคัญ
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เดือนเม.ย. - 26 พ.ค.68 เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน และเฉลี่ยปรับแข็งค่าขึ้นจากเดือนมี.ค. จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ตามความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และความกังวลของตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
- ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ปรับลดลงในเดือนเม.ย. เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อการที่ไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบสูงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ในเดือนพ.ค.ปรับแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตลาดคลายกังวลลงบ้าง หลังสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ
- เสถียรภาพเศรษฐกิจ
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบเล็กน้อยตามหมวดพลังงานเป็นสำคัญ จากราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และมาตรการลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าของภาครัฐ สำหรับหมวดอาหารสด ลดลงจากผลของฐานสูงในราคาผักและผลไม้ที่มีปัญหาภัยแล้งในปีก่อน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป จากการลดการทำโปรโมชันอาหารโทรสั่ง (delivery) รวมถึงเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตามต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง
- สำหรับภาวะตลาดแรงงาน โดยรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ตามจำนวนผู้ประกันตนมาตรการ 33 ที่เพิ่มขึ้นในหลายสาขา โดยเฉพาะเหมืองแร่ ภาคการผลิต โรงแรม และร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม สัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรวม และรายใหม่ต่อผู้ประกันตนรวมปรับเพิ่มขึ้น
- ด้านดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลจากดุลการค้าเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุลลดลงตามการส่งกลับกำไรที่น้อยลงของบริษัทต่างชาติในไทยเป็นสำคัญ
โฆษก ธปท. กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในระยะถัดไป มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมยังขยายตัวได้ แม้แรงส่งจากภาคท่องเที่ยวจะชะลอตัวลง แต่ภาคการผลิตในบางหมวดมีแนวโน้มขยายตัวจากการเร่งส่งออกในช่วง grace period ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องติดตามในระยะถัดไป คือ 1.นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก 2.พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว 3.การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง และการแข่งขันที่สูงขึ้น และ 4.แรงส่งจากภาคการคลัง